เอกชน เรียกร้องรัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้น ฟื้นฟูเศรษฐกิจทันที

02 ก.ย. 2568 | 10:12 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2568 | 10:40 น.

'นายกสมาคมภัตตาคารไทย' เตือนการยุบสภาจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย เรียกร้องรัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เช่น โครงการคนละครึ่ง เพื่อบรรเทาภาระผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

การยุบสภาในช่วงเวลานี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในหลายภาคส่วนต่างคาดการณ์ว่าอาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศซึมลงไปมากขึ้น โดยเฉพาะภาคธุรกิจร้านอาหารที่เป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาหนัก

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับ 'ฐานเศรษฐกิจ' โดยเผยถึงมุมมองและข้อเสนอเกี่ยวกับการยุบสภาและความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ที่สามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพว่า 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการยุบสภาในช่วงนี้ มองว่าการยุบสภาและการเลือกตั้งในช่วงเวลานี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะสั้น เนื่องจากรัฐบาลที่ไม่มั่นคงและไม่มีความชัดเจนอาจทำให้เกิดการชะงักงันในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจ

ปัญหาที่สำคัญ

1.ภาคธุรกิจ: ในภาคธุรกิจหลาย ๆ กลุ่ม เช่น ร้านอาหารและอสังหาริมทรัพย์ กำลังเผชิญกับการลดลงของกำลังซื้อของผู้บริโภค ภาคธุรกิจเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและการขาดแคลนการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ

2.การท่องเที่ยว: แม้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศไทย แต่ตัวเลขการท่องเที่ยวในปีนี้ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการลดลงของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อร้านอาหารและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นางฐนิวรรณ กุลมงคล

3.ส่งออก: อีกปัจจัยคือการที่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาการส่งออกที่ไม่เติบโตตามเป้าหมาย รวมถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจทำให้ผู้ส่งออกของไทยยากที่จะแข่งขันในตลาดโลก

การลดลงของกำลังซื้อ เป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ประเทศกำลังเผชิญ ซึ่งในปีที่แล้วยังคงมีการจับจ่ายใช้สอยในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจร้านอาหารและอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปีนี้ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้หลายธุรกิจไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวังไว้

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการจับจ่ายในประเทศ

1.การลดลงของนักท่องเที่ยว

จำนวนของนักท่องเที่ยวที่มาถึงไทยในปีนี้ยังไม่สามารถกลับมาสู่ระดับเดิมได้ โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงปี 2025 อยู่ที่ประมาณ 60,000 - 70,000 คนต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึงกว่า 90,000 คนต่อวัน

2.การส่งออกที่ไม่ดี

การส่งออกของไทยในปีนี้ยังไม่เติบโตตามที่คาดหวัง ทำให้ภาคการผลิตและการส่งออกของไทยมีรายได้ลดลง

3.การไม่กระตือรือร้นของภาคอสังหาริมทรัพย์

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยเริ่มชะลอตัวลงอย่างมาก โดยโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมีจำนวนที่น้อยลงและหลายโครงการต้องหยุดชะงัก เนื่องจากขาดแคลนเงินทุนและกำลังซื้อจากผู้บริโภค

นางฐนิวรรณ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลเฉพาะกาลที่อาจจะอยู่ในตำแหน่งเพียง 4 เดือนนั้น อาจไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาได้อย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลเฉพาะกาลนั้นอาจไม่มีความมั่นคงเพียงพอในการดำเนินการที่สำคัญและเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว

เชื่อว่า รัฐบาลที่เข้ามามีเสถียรภาพ และสามารถดำเนินการทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ จะต้องมาพร้อมกับ นโยบายที่ชัดเจนและมีการสนับสนุน จากภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะการสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องของการช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชน เช่น การคืนภาษี หรือการจัดตั้งโครงการที่ช่วยให้คนมีแรงจูงใจในการใช้จ่ายมากขึ้น

นางฐนิวรรณได้กล่าวถึงความคาดหวังต่อ นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ที่จะเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยระบุว่าผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งต้องมีความสามารถในการจัดการปัญหาทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างนโยบายที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจร้านอาหารที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนัก เช่น ปัญหาการลดลงของกำลังซื้อ การขึ้นราคาค่าใช้จ่าย และการชะลอตัวของการลงทุนในภาคต่าง ๆ

ยกตัวอย่าง โครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนและผู้ประกอบการอย่างดี โดยเฉพาะจากร้านอาหาร เนื่องจากเป็นโครงการที่สามารถช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยการให้รัฐบาลช่วยแบ่งจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและช่วยให้ร้านอาหารสามารถขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น

"ทั้งนี้ควรปรับปรุงเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเน้นที่การพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจให้ยั่งยืน และ สนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยการเน้นสนับสนุนภาคการผลิตที่เน้นนวัตกรรมและการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งสามารถนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต"

นางฐนิวรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งและการได้รัฐบาลใหม่ ที่มี ความมั่นคง จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวจากวิกฤติในปัจจุบันได้ โดยการดำเนินนโยบายที่ตรงกับความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมามีความแข็งแรงและมีการหมุนเวียนที่ดี