FTA ไทย–อียู เจรจาคืบ 1 ใน 3 พาณิชย์เร่งปิดดีลรับมือภาษีทรัมป์

22 ส.ค. 2568 | 02:55 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ส.ค. 2568 | 03:00 น.

เจรจา FTA ไทย–อียู ล่าสุดคืบหน้าแล้ว 1 ใน 3 “ฉันทวิชญ์” เผยผลเวทีรับฟังเสียงทุกภาคส่วน เดินหน้าเร่งปิดดีล เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ พร้อมรับมือภาษีทรัมป์

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย–สหภาพยุโรป ภายใต้งาน “Voice x Vision: Thai-EU FTA in Focus” (Stakeholder Consultation Workshop: Thai-EU FTA) ว่า การเจรจา FTA ไทย–EU มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี โดยมีการเจรจาแล้ว 6 รอบ และสามารถสรุปความตกลงได้แล้ว 7 บท จากทั้งหมด 24 บท ประมาณ 1 ใน 3 หากบรรลุผลสำเร็จ จะเป็นโอกาสสำคัญต่อการค้าและการลงทุนของไทย

รวมทั้งสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปที่มีขนาดใหญ่และกำลังซื้อสูง พร้อมดึงดูดการลงทุนจากธุรกิจยุโรปในอุตสาหกรรมอนาคต เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยังช่วยยกระดับมาตรฐานการค้าไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและแรงงานของสากล

สำหรับ FTA ฉบับนี้มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์และจะเป็น FTA ที่มีมาตรฐานสูง ครอบคลุมทิศทางและเศรษฐกิจโลกสมัยใหม่ เช่น ประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา มาตรฐานแรงงาน การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การค้าดิจิตัล รวมถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ส่วนประเด็นหารือในเวทีนี้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน 3 หัวข้อสำคัญ ประกอบด้วย

1.การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเน้นการใช้ประโยชน์เชิงรุกและรับฟังข้อกังวลเพื่อปรับท่าทีของไทย

2.ทรัพย์สินทางปัญญา ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยาและเกษตรกรรายย่อย โดยหารือแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทไทย และเตรียมจัดประชุมเชิงลึกเพิ่มเติม

3.พลังงานและวัตถุดิบ มุ่งเน้นการผลักดันเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด ควบคู่กับการรักษาความมั่นคงทางพลังงาน ราคาที่เหมาะสม และการแข่งขันที่โปร่งใส

นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะนำข้อคิดเห็นและข้อห่วงใยทั้งหมดไปใช้ประกอบการกำหนดท่าทีการเจรจา โดยรอบการเจรจาครั้งที่ 7 กำหนดจัดขึ้นปลายเดือนกันยายนนี้ ณ กรุงบรัสเซลส์ สหภาพยุโรป ซึ่งไทยตั้งเป้าเดินหน้าเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด แต่ยังคงยึดหลักความเร็วที่มาพร้อมคุณภาพ เพื่อให้ข้อตกลงครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชนไทยทุกกลุ่มอย่างแท้จริง

"ไทยต้องคำนึงถึงบริบทของประเทศและความมั่นคงด้านสาธารณสุขและอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และต้องเจรจาอย่างรอบคอบไม่ให้กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน อีกทั้งสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นภาษีของสหรัฐฯ ถือเป็นแรงกดดันที่ทำให้ทั้งไทยและสหภาพยุโรปเร่งการเจรจาปิดดีลให้ได้เร็วขึ้นเพื่อรักษาขีดความสามารถทางการค้าของทั้งสองฝ่ายด้วย"