นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ออกมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี 3 มาตรการสำคัญ ดังนี้
1.ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีทุกประเภท ได้แก่
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ
- รวมถึงการขยายเวลาการขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน ที่มีกำหนดการดำเนินการระหว่างวันที่ 24 ก.ค. -29 ก.ย.2568 ออกไปเป็นวันที่ 30 ก.ย.2568 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียภาษีในพื้นที่
2.มาตรการลดหย่อนภาษีค่าซ่อมแซม แบ่งเป็น
- ค่าซ่อมแซมบ้าน สามารถนำค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. -31 ธ.ค. 2568 มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าซ่อมแซมรถ สามารถนำค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2568-31 ธ.ค.2568 มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
3.ยกเว้นภาษีสำหรับเงินช่วยเหลือเยียวยา โดยกรมสรรพากรจะออกประกาศยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินช่วยเหลือเยียวยาที่ผู้ได้รับผลกระทบได้รับ ดังนี้
- เงินเยียวยาที่ได้รับจากรัฐบาล
- เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการบริจาคหรือช่วยเหลือ
- ค่าสินไหมทดแทนส่วนที่ยังไม่ได้รับการยกเว้นภาษีตามกฎหมายในปัจจุบัน
ทั้งนี้ บุคคลและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายต้องอยู่ในพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 7 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี