ประเมินผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา เสียหายเดือนละ 17,000 ล้านบาท

06 ส.ค. 2568 | 08:13 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2568 | 08:13 น.

Krungthai COMPASS ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอาจส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน การท่องเที่ยว และการลงทุน โดยคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายรวมราว 17,000 ล้านบาทต่อเดือน 

การค้าชายแดนถือเป็นช่องทางที่จะได้รับผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชามากที่สุด เนื่องจากการค้าชายแดนไทยและกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 48% ของมูลค่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งหมด

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ที่ 80,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2%YoY แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกชายแดนอยู่ที่ 63,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%YoY และมูลค่าการนำเข้าชายแดนอยู่ที่ 17,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%YoY 

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่รุนแรงขึ้นจะกดดันต่อมูลค่าการค้าชายแดนในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยประเมินว่า การปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 5 ด่านสำคัญจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาหายไปราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือน

แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกชายแดนและมูลค่าการนำเข้าชายแดนหายไปราว 11,410 และ 2,601 ล้านบาทต่อเดือน ตามลำดับ โดยด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว คาดได้รับผลกระทบมากที่สุด 

สำหรับกลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ส่วนกลุ่มสินค้านำเข้า ได้แก่ ผักและของปรุงแต่งจากผัก โดยเฉพาะมันสำปะหลัง 

การท่องเที่ยว ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามามีแนวโน้มลดลง คาดว่าจะได้รับผลกระทบราว 1,185 ล้านบาทต่อเดือน นักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจมีสัดส่วนเพียง 2% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาในไทย

ในช่วง 6 เดือนของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เข้ามาไทยอยู่ที่ 217,652 คน ลดลงถึงราว -21%YoY และคาดว่า ผลกระทบจากการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาจะทำให้นักท่องเที่ยวกัมพูชาลดลงในช่วงที่เหลือของปี 2568

เมื่อประเมินจากสถิติค่าใช้จ่ายของชาวกัมพูชาในปี 2565-2566 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด พบว่า ค่าเฉลี่ยของความเสียหายจากการขาดรายได้ของนักท่องเที่ยวกัมพูชาจะอยู่ที่ราว 1,185 ล้านบาทต่อเดือน 

ความเสียหายด้านการท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดที่มีการปะทะคาดมีมูลค่าอย่างน้อยราว 1,785 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็น ความเสียหายจากการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 1,766 ล้านบาทต่อเดือน และ ความเสียหายจากการขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19 ล้านบาทต่อเดือน โดยการประมาณการข้างต้นประเมินจากค่าเฉลี่ยย้อนหลังของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติในปี 2565-67 

การลงทุน หากสถานการณ์ยกระดับความรุนแรงและขยายวงกว้างขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชา โดยในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 100 ราย มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบสูง เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม และค้าปลีก   

นอกจากนี้ ไทยมีแรงงานกัมพูชารวมกว่า 1 ล้านคน (แรงงานถูกกฎหมายราว 5.1 แสนคน) หากมีการดึงแรงงานกัมพูชากลับประเทศอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น ก่อสร้าง การขายส่งขายปลีก อสังหาริมทรัพย์ และประมง เป็นต้น 

แรงงานกัมพูชาส่วนใหญ่อยู่ในกิจการก่อสร้างจำนวนอย่างน้อย 1.58 แสนคน รองลงมาคือกิจการต่อเนื่องการเกษตร จำนวนอย่างน้อย 31,958 คน และกิจการเกษตรและปศุสัตว์ จำนวนอย่างน้อย 2.64 หมื่นคน ซึ่งแรงงานทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่อาศัยในกรุงเทพฯ และชลบุรี 

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินผลกระทบการปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อมิ.ย. 68ว่า ระยะสั้นใน 3 เดือนแรก ธุรกิจรายย่อยข้ามแดน เช่น ตลาดชายแดนหยุดชะงัก โลจิสติกส์เปลี่ยนเส้นทาง

ส่วนผลกระทบระยะกลาง 3-12 เดือน ผู้ส่งออกต้องหาตลาดหรือเส้นทางใหม่ หากยืดเยื้อนานเกิน 1 ปี อุตสาหกรรมไทยที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากกัมพูชาเริ่มกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเสถียรภาพพรมแดนลดลง

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,119 วันที่ 3 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568