“BOI” เชื่อทุนญี่ปุ่น-เกาหลีไม่หนีไทย หลังสหรัฐเก็บภาษีสูงกว่า

05 ส.ค. 2568 | 06:14 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2568 | 06:14 น.

“BOI” เชื่อทุนญี่ปุ่น-เกาหลีไม่ย้ายฐานการผลิตออกจากไทยหลังสหรัฐเก็บภาษีสูงกว่า เชื่อไทยยังมีข้อได้เปรียบ ระบุแม้ภาษีต่างกัน 4% แต่ต้นทุนการผลิตยังมากกว่า

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงประเด็นที่สหรัฐปิดดีลภาษีกับประเทศอาเซียน โดยไทยถูกเรียกเก็บภาษีที่ 19% มากกว่าญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ซึ่งถูกเรียกเก็บ 15% จะมีผลต่อการย้าย/ขยายฐานการผลิตหรือไม่ ว่า การลงทุนเป็นการวางแผนระยะยาว อัตราภาษีเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัย ที่ผู้ประกอบการใช้พิจารณาในการเลือกแหล่งลงทุน  

สำหรับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มญี่ปุ่นและเกาหลี การตัดสินใจย้ายหรือขยายฐานการผลิต จะพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น คุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ ความพร้อมของซัพพลายเชน คุณภาพของบุคลากร ต้นทุนแรงงานและพลังงาน สิทธิประโยชน์และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ 

รวมถึงกฎระเบียบและสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบในเรื่องดังกล่าวเหล่านี้

“BOI” เชื่อทุนญี่ปุ่น-เกาหลีไม่หนีไทย หลังสหรัฐเก็บภาษีสูงกว่า

ในแง่ภาษีแม้จะมีส่วนต่าง 4% แต่ต้นทุนการผลิตโดยรวมในญี่ปุ่นและเกาหลี ยังสูงกว่าไทยมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างบุคลากร ค่าที่ดิน ค่าพลังงาน หรือค่าบริหารจัดการต่างๆ ดังนั้นลำพังส่วนต่างภาษี 4% อาจยังไม่เพียงพอที่จะจูงใจให้ย้ายฐานผลิตกลับประเทศแม่ 

ขณะที่ฐานการผลิตของญี่ปุ่นในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งสูง ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีระบบซัพพลายเชนครบวงจร และมีประสิทธิภาพในระดับต้น ๆ ของโลก 

นักลงทุนญี่ปุ่นยังมองไทยเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค รวมทั้งใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก มิใช่เพียงตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น   

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องเร่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต่างๆ เช่น การขยายพื้นที่อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การจัดทำกลไกพลังงานสะอาดในราคาที่แข่งขันได้ 

“BOI” เชื่อทุนญี่ปุ่น-เกาหลีไม่หนีไทย หลังสหรัฐเก็บภาษีสูงกว่า

การพัฒนาบุคลากรทักษะสูงรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ PCB และเทคโนโลยี AI รวมทั้งการสร้างความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เพื่อให้ไทยมีความสามารถในการดึงดูดการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น