เทียบสิทธิประโยชน์ภาษีให้นักลงทุนไทย อาเซียนหลังเส้นตายทรัมป์

05 ส.ค. 2568 | 03:39 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2568 | 03:39 น.

เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ด้านภาษี การถือครองที่ดิน การถือหุ้นให้นักลงทุนของประเทศไทยไทย และอาเซียนหลังทรัมป์ประกาศผลเก็บภาษีนำเข้า

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรีฐอเมริกา ได้ประกาศอัตราภาษีแบบต่างตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่เรียกเก็บจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย 

  • ไทยเหลือ 19% จาก 36%
  • เวียดนามเหลือ 20% จาก 46%
  • อินโดนีเซียเหลือ 19% จาก 32%
  • มาเลเซียเหลือ 19% จาก 25%

โดยจะเห็นได้ว่าแต่ละประเทศต่างถูกเรียกเก็ยบภาษีนำเข้าสหรัฐฯในอัตราที่ใกล้เคียงกัน หรือแทบจะไม่แตกต่าง

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่สำคัญหลังจากนี้ก็คือเรื่องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศจะต้องงัดไม้เด็ดด้านต่างๆออกมาเพื่อจูงใจนักลงทุน

ทั้งนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” จะพาไปดูข้อมูลการเปรียบเทียบการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี การถือครองที่ดี และการถือหุ้นกับนักลงทุนของแต่ละประเทศว่ามีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงประเด็นการเปรียบสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุนของไทยกับกับเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย โดยแยกเป็นสิทธิ์แต่ละด้าน ประกอบด้วย 

สิทธิประโยชน์ด้านภาษี

ไทย

  • ยกเว้น CIT สูงสุด 15 ปี
  • ลด 50% สูงสุด 10 ปี
  • ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร
  • ยกเว้นอากรนำเข้าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพื่อการส่งออกและวัตถุดิบที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนา
  • สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในมิติต่างๆ เช่น การลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย การทำวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากรการส่งเสริม Local Content และแพ็กเกจพิเศษต่างๆ
  • ส่งเสริมการลงทุนในลักษณะ Project based

เทียบสิทธิประโยชน์ภาษีให้นักลงทุนไทย อาเซียนหลังเส้นตายทรัมป์

เวียดนาม

  • ยกเว้น CIT สูงสุด 6 ปี
  • ลดหย่อน CIT 50% สูงสุด 13 ปี
  • CIT อัตราพิเศษตลอดระยะเวลาโครงการ
  • ยกเว้นอากรนำเข้าสินทรัพย์ถาวร วัตถุดิบ/อุปกรณ์และชิ้นส่วนที่ใช้ในโครงการ
  • สิทธิประโยชน์เชิงพื้นที่

อินโดนีเซีย

  • ยกเว้น CIT 5-20 ปี สำหรับโครงการในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีการลงทุนมากกว่า 30 ล้าน USD
  • ยกเว้น CIT 50% 5 ปี และ 25% 2 ปี สำหรับโครงการขนาดและอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการที่ระหว่าง 6-30 ล้าน USD
  • ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ผลิตเพื่อส่งออก
  • สิทธิประโยชน์เชิงพื้นที่

มาเลเซีย

  • ยกเว้น CIT สูงสุด 15 ปี
  • สามารถเลือกได้ระหว่างการยกเว้น CIT หรือลดหย่อนจากค่าใช้จ่ายทุน
  • ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใ้ในโครงการที่ได้รับการส่งเสริม
  • โครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ระดับชาติรัฐบาลมาเลเซียสามารถพิจารณาให้สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม
  • สิทธิประโยชน์เชิงพื้นที่

การถือครองที่ดิน

ไทย

  • หากได้รับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI จะสามารถถือครองที่ดินเพื่อกิจการที่ได้รับการลงทุนได้ (กรณีปกติ ต่างชาติไม่สามารถถือครองที่ดินได้โดยตรง)

เทียบสิทธิประโยชน์ภาษีให้นักลงทุนไทย อาเซียนหลังเส้นตายทรัมป์

เวียดนาม

  • รัฐเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด นักลงทุนต่างชาติเช่าได้สูงสุด 50 ปี (ต่ออายุได้ถึง 70 ปีในบางกรณี)

อินโดนีเซีย

  • ต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ แต่สามารถได้รับสิทธิในรูปแบบ Hak Guna Usaha (HGU), Hak Guna Bangunan (HGB) สูงสุด 80 ปี รวมการต่ออายุ

มาเลเซีย

  • ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินประเภท Freehold ได้ในบางกรณีนอกเหนือจากที่ดิน Malay Reserve หรือที่ดินที่ถูกกันไว้ให้ชาวมาเลย์

การถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ

ไทย

  • ต้องปฏิบัติตาม Foreign Business Act ซึ่งจำกัดการถือหุ้นต่างชาติในบางกิจการ แต่หากได้รับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100% ในกิจการผลิตและบริการหลายสาขา ยกเว้นกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้

เวียดนาม

  • อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 49 - 100% ในเกือบทุกอุตสาหกรรม ยกเว้นที่อยู่ใน "Negative List" เช่น การสื่อสาร ธนาคาร ฯลฯ

อินโดนีเซีย

  • ใช้ระบบ Positive Investment List ที่ระบุสาขาที่ต่างชาติสามารถลงทุนได้
  • กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นแตกต่างไปตามประเภทอุตสาหกรรมตั้งแต่ 20%-49%
  • กำหนดประเภทอุตสาหกรรมที่ห้ามต่างชาติเข้ามาถือหุ้น

มาเลเซีย

  • อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้น 100% โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและบริการสมัยใหม่ (ICT, Digital, Manufacturing)
  • ภาคบริการบางสาขา เช่น การศึกษาเอกชนหรือค้าปลีก อาจมีการจำกัดสัดส่วนการถือหุ้น (30%-70%)