นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณีไม่เพิกถอนโฉนด ที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่ทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่ามีการดำเนินการที่ถูกต้องตามระเบียบและแนวปฏิบัติหรือไม่
รายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม จะลงนามในคำสั่งดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้ตรวจสอบทั้งคำสั่งและกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการทั้งหมด เพราะมีผู้ร้องมาที่กระทรวงมหาดไทยว่าการดำเนินการทั้งการออกคำสั่งนั้นไม่ชอบและคำสั่งของคณะกรรมการชุดที่ 61 ที่มีเอกชนไปอ้างสิทธิ์และมีการออกโฉนดนั้นเป็นการดำเนินการที่ขัดกับกฎหมายและระเบียบแนวปฏิบัติของกรมที่ดิน
การตรวจสอบครั้งนี้เกิดขึ้นหลังมีผู้ร้องมาที่กระทรวงมหาดไทยว่า การดำเนินการทั้งการออกคำสั่งและคำสั่งของคณะกรรมการชุดที่ 61 ที่มีเอกชนไปอ้างสิทธิ์และมีการออกโฉนดเป็นการดำเนินการที่ขัดกับกฎหมายและระเบียบแนวปฏิบัติของกรมที่ดิน
คดีที่ดินเขากระโดงมีประวัติยาวนาน โดยศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานในทำนองเดียวกันว่าที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2563, คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563
ศาลปกครองกลาง ยังได้มีคำพิพากษารองรับคำพิพากษาข้างต้นในคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 หมายเลขแดงที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ว่าที่ดินเป็นของการรฟท.และผูกพันต่อบุคคลภายนอกด้วย ซึ่งกรมที่ดินได้เป็นผู้ถูกฟ้องคดีและไม่โต้แย้งคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
แม้จะมีคำพิพากษาศาลชัดเจนแต่นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กลับมีคำสั่งที่ 1195-1196/2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีอำนาจดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐาน เรียกโฉนดที่ดินหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา แจ้งผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้าน และรายงานผลการสอบสวนต่ออธิบดีกรมที่ดิน
คณะกรรมการสอบสวน มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของรฟท. บริเวณทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้ โดยระบุว่า หากการรถไฟแห่งประเทศไทย เห็นว่า มีสิทธิในที่ดินกว่า ก็เป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิในที่ดินจะต้องไปดำเนินการ เพื่อพิสูจน์สิทธิในกระบวนการยุติธรรมต่อไป
รฟท.เห็นว่า คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินและมติของคณะกรรมการสอบสวนเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกระทำโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการ อันเป็นสาระสำคัญ รวมถึงเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็นและเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
รฟท.ระบุว่า เมื่อข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากคำพิพากษาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา มติและความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ได้ผลสรุปสอดคล้องกันว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ย่อมถือได้ว่า มีความปรากฏว่าได้ออกโฉนดที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลได้มีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในที่ดินดังกล่าวบางแปลงแล้ว และอธิบดีกรมที่ดินเองก็ยอมรับในกรรมสิทธิ์ของรฟท. ด้วยการยกเลิกการออกเอกสารสิทธิที่มีการยื่นคำขอจำนวน 35 ราย กว่า 40 ฉบับ
รฟท.ระบุว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งแล้วว่า ที่ดินบริเวณที่กรมที่ดินออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินบริเวณแยกเขากระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย กรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน และคณะกรรมการสอบสวน ต้องยึดข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมิต้องให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิสูจน์สิทธิอีก เพียงแต่มีหน้าที่ตรวจสอบรังวัดแนวเขต เพื่อนำไปสู่การออกคำสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้น