ไฟเขียว ปรับเงินเดือนพนง.ระดับสูง ไปรษณีย์ไทย แตะ 1.4 แสน/เดือน

01 ก.ค. 2568 | 05:39 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ค. 2568 | 05:43 น.

ครม.เห็นชอบการปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนชั้นสูงสุด ของพนักงานระดับสูง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สูงสุด 1.4 แสนบาท/เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

วันนี้ (1 กรกฎาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ การปรับขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูง ของพนักงานบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567  และความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ดังนี้

  • ระดับ 12 (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงาน) อัตราเดิม 113,520 บาท  อัตราใหม่ที่ขอขยาย 142,830 บาท
  • ระดับ 11 (รองกรรมการผู้จัดการใหญ่) อัตราเดิม 108,810 บาท อัตราใหม่ที่ขอขยาย 133,770 บาท
  • ระดับ 10 (ผู้จัดการฝ่าย) อัตราเดิม 104,310 บาท อัตราใหม่ที่ขอขยาย 124,770 บาท

ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

นายอนุกูล กล่าวว่า เนื่องจากบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้มีการปรับตั้งแต่ปี 2550 (18 ปี)  จึงทำให้ไม่สอดคล้องกับภาระงานที่มีการเปลี่ยนแปลง ประกอบกับตำแหน่งดังกล่าว เป็นผู้กำหนดนโยบาย วิสัยทัศน์ เป้าหมาย กลยุทธ์ รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ปณท ภายใต้การแข่งขันทางธุรกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ 

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงจากภายนอกเข้ามาในองค์กร ในการนี้ ปณท ได้พิจารณาการปรับขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามหลักเกณฑ์เพื่อใช้ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 เรียบร้อยแล้ว 

โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขยายเพดานฯ จำนวน 31.26  ล้านบาท (จำนวน 6.25 ล้านบาทต่อปี) ปณท จะใช้จ่ายจากงบประมาณของ ปณท ซึ่งไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินในภาพรวมของ ปณท 

นอกจากนี้ ปณท ยังได้กำหนดแผนการจัดหารายได้และแผนประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายบุคลากรที่จะเพิ่มขึ้นด้วย 

ทั้งนี้ คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 และสำนักงาน ก.พ. พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว โดยกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ (สงป.) และสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแล้วไม่มีข้อขัดข้อง/เห็นด้วยในหลักการตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เสนอ และมีความเห็นเพิ่มเติม ซึ่ง ดศ. และ ปณท ควรรับไปพิจารณาดำเนินการ