ราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง กบน.หั่นรายได้รอบ 4 ตรึงราคาขายหน้าปั๊ม

20 มิ.ย. 2568 | 10:14 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2568 | 10:15 น.

ราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกพุ่งไม่หยุด กบน.หั่นรายได้รอบ 4 อีก 65 สตางค์ตรึงราคาขายหน้าปั๊ม เซ่นพิษสงครามตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอล

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพิลง (กบน.) มีมติปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลลงอีก 65 สตางค์/ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป 

ทั้งนี้ เพื่อช่วยพยุงราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการให้กับประชาชน และลดผลกระทบจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับปัจจุบัน ปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันในตลาดโลกมาจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น 

โดยล่าสุดน้ำมันดิบดูไบ ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 76.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซล ปรับสูงขึ้นอีกครั้ง อยู่ที่ 97.51 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 88.68 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล 

ราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง กบน.หั่นรายได้รอบ 4 ตรึงราคาขายหน้าปั๊ม  

อย่างไรก็ดี การปรับลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลดังกล่าว ถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบสัปดาห์ ที่ กบน.มีมติปรับลดอัตราเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ ให้กับประชาชน ตั้งแต่วันที่ 16–17 มิ.ย.2568 และ 19 -20 มิ.ย.2568 โดยใช้เงินช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซล เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้ปรับขึ้น 

ซึ่งจากมาตรการล่าสุด ส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันดีเซล ปัจจุบันกลับมาติดลบ อยู่ที่วันละ 20.73 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซิน ยังคงอยู่ที่ประมาณวันละ 72.88 ล้านบาทเท่าเดิม (รายล

“แม้กองทุนน้ำมันฯ จะต้องมีสภาพคล่องน้อยลง จนรายรับจากน้ำมันดีเซลกลับมาติดลบ แต่ กบน.ยังคงพยุงราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกผันผวน โดยใช้อัตราการเก็บเงินของกองทุนน้ำมันฯ เป็นกลไกสำคัญในการดูแลด้านราคาให้กับประชาชน ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562"

อย่างไรก็ตาม กบน.ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับมาตรการให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรอบด้าน”