เอกชนห่วงเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรุดเพิ่ม เหตุการเมืองไทยสั่นคลอน

19 มิ.ย. 2568 | 06:05 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2568 | 06:07 น.

ส.อ.ท.ยอมรับมีความกังวลมากขึ้น หลังเกิดประเด็นคลิปเสียงนายกไทยคุยกับกัมพูชาทำการเมืองสั่นคลอน ห่วงเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรุดเพิ่ม

จากกรณีที่มีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซ็ฯ อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา และประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย

และมีผลทำให้พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยอ้างกรณีโทรศัพท์เจรจาระหว่างนายกฯ แพทองธารกับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ

ต่อเรื่องดังกล่าวนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มขึ้นมาจากภายในประเทศ 

หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล และปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา 

เอกชนห่วงเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรุดเพิ่ม หลังการเมืองไทยสั่นคลอน

นอกจากนี้ ปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่าผลการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐเรื่องภาษีจะมีออกมาเป็นอย่างไร เป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อบ้าน หรือคู่แข่ง หากผลออกมาไทยเสียเปรียบจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออก และเศรษฐกิจภายรวมช่วงครึ่งหลังของปี 68 

ซึ่งทั้ง 3 เรื่องดังกล่าวมากกว่าที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 

อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าการที่พรรคภูมิใจไทยประกาศลาออกก็สอดคล้องกับปัญหาที่มีอยู่ตั้งแต่เรื่องของตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย โดยพรรคภูมิใจไทยถือเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส. มาก เพราะฉะนั้นต้องคอยดูว่ารัฐบาลจะมีพรรคร่วม หรือจำนวนเสียงของพรรคจะเป็นอย่างไรต่อไป

“ยอมรับว่าสถานการณ์ขณะนี้น่ากังวลมากขึ้น เนื่องจากประเด็นที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในประเทศ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นภาคเอกชนก็คงต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า เสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร จะมีจำนวนพรรคร่วมเท่าไหร่ และทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไร“