รัฐบาล สั่ง 4 หน่วยงานรับลูก กสม. หาช่องเยียวยาแรงงานสถานบริการ

11 มิ.ย. 2568 | 09:01 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มิ.ย. 2568 | 09:05 น.

รัฐบาลมอบหมาย 4 หน่วยงานสำคัญ รับลูก กสม. หาช่องทางเยียวยาแรงงานสถานบริการ หลังจากเห็นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ช่วงโควิดระบาด ทำขาดรายได้ กระทบชีวิต

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับทราบข้อเสนอแนะกรณีพนักงานบริการในสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เสนอ 

ทั้งนี้ที่ประชุมครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว 

โดยให้กระทรวงแรงงานสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง กสม. แจ้งว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการว่า รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดและมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของกลุ่มแรงงานที่ทำงานในสถานบันเทิง ผับ บาร์ และคาราโอเกะทำให้ต้องหยุดงานชั่วคราว ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ 

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปด้วยความล่าช้าและมีข้อจำกัดในการเข้าถึง โดยเฉพาะ “โครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ”  ซึ่งพนักงานบริการไม่สามารถขอรับการเยียวยาได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านคุณสมบัติและลักษณะการทำงานที่ต้องได้รับการรับรองจากสมาคมหรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิง 

รวมทั้งมีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งรวมถึงพนักงานบริการต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 พร้อมทั้งชำระเงินสมทบก่อน จึงจะมีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาอันมีลักษณะบังคับให้เข้าระบบประกันสังคมการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติในการเข้าถึงการเยียวยาด้วยเหตุสถานะความเป็นผู้ประกันตนของพนักงานบริการในกิจการสถานบันเทิง จึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม กสม. ตรวจสอบแล้วพบว่าการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของรัฐ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานบริการที่เป็นสถานบันเทิงและกลุ่มแรงงานในกิจการดังกล่าวทำให้ไม่มีรายได้เลี้ยงชีพ ไร้ที่อยู่อาศัยและขาดแคลนอาหารส่งผลกระทบต่อสิทธิในการทำงานและมาตรฐานการครองชีพ 

โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 27 วรรคสาม และวรรคสี่ บัญญัติให้การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลไม่ว่าด้วยเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องสถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม หรือเหตุอื่นใดจะกระทำมิได้ และมาตรา 74 บัญญัติให้รัฐส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามารถในการทำงานอย่างเหมาะสม และ พึงคุ้มครองผู้ใช้แรงงานให้ได้รับรายได้ สวัสดิการ การประกันสังคมและสิทธิประโยชน์อื่นที่เหมาะสมแก่การดำรงชีพ 

สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ข้อ 2 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 9 และข้อ 11 ที่กำหนดให้การรับรองสิทธิทั้งหลายในกติกานี้โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าในเรื่องสถานะอื่นใดสิทธิ  ในการทำงานที่ตนเลือกอย่างเสรีในสภาพการทำงานที่ยุติธรรม มีสวัสดิการทางสังคมและการประกันสังคม รวมทั้งสิทธิในมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอสำหรับตนเองและครอบครัว

นอกจากนี้ ด้วยข้อจำกัดในการใช้จ่ายเงินกู้และการพิสูจน์สถานะของการทำงานในกิจการสถานบันเทิงในช่วงเวลาดังกล่าว ประกอบกับมีแรงงานหลากหลายประเภททั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งรวมถึงพนักงานบริการด้วย จึงทำให้ไม่สามารถแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมได้ 

ออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานกิจการสถานบันเทิง

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต และเพื่อเป็นการคุ้มครองแรงกลุ่มนี้ ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง กสม. ได้เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

  1. กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ
  2. เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม
  3. ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาแรงงานในกิจการสถานบริการและกฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพการทำงานและการจ้างงาน เพื่อคุ้มครองแรงงานในกิจการดังกล่าวเป็นการเฉพาะ ให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการด้านแรงงานและการประกันสังคมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง