แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัว หรือ รถยนต์ EV ไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือการนำไปชาร์จไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานว่า ที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้รับข้อมูลการแจ้งเบาะแสและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปชาร์จไฟฟ้าภายในสถานที่ทำการ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต จนทำให้หน่วยงานของรัฐเกิดความเสียหายและมีภาระค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของหน่วยงานและงบประมาณของรัฐ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น พบว่า เจ้าพนักงานของรัฐมีพฤติการณ์นำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวมาอัดประจุไฟฟ้าของสถานที่ทำการ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวถือเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนของเจ้าของรถ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม แตกต่างจากรถยนต์ของส่วนราชการซึ่งใช้ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของหน่วยงาน
นอกจากนี้ เจ้าพนักงานของรัฐยังลักลอบอัดประจุไฟฟ้าเป็นประจำและไม่มีการชำระค่าไฟฟ้าให้หน่วยงานของรัฐ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ ส่วนตนโดยมิชอบ จึงสะท้อนให้เห็นถึงการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคล กับผลประโยชน์ส่วนรวม (Conflicts of Interest) และหลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน ของบุคลากรและหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเจ้าพนักงานของรัฐจำเป็นต้องแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวมให้ได้อย่างชัดเจน
ป.ป.ช. ระบุว่ากรณีดังกล่าวเป็นประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจเกิดขึ้น ในหน่วยงานของรัฐอีกหลายแห่งที่เจ้าพนักงานของรัฐขาดความตระหนักและไม่สามารถแยกแยะได้ ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมให้ชัดเจน โดยนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปชาร์จไฟฟ้าของหน่วยงานของรัฐ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและงบประมาณของประเทศ ประกอบกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
จึงจำเป็นต้องมีการแจ้งเตือนเจ้าพนักงานของรัฐ ให้ตระหนักถึงการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวมาชาร์จไฟฟ้าในหน่วยงานของรัฐโดยมิได้รับอนุญาต ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบและยังมีความผิดฐานลักกระแสไฟฟ้า เนื่องจากกระแสไฟฟ้า ถือเป็นทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐตามหลักกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาที่วินิจฉัย และวางหลักไว้ว่า การลักกระแสไฟฟ้าถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 หรือ 335 แล้วแต่กรณี ซึ่งมีบทลงโทษทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ
ทั้งนี้ในการประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ตระหนักถึงความเสียหายและผลกระทบจากการแสวงหาประโยชน์จากการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปชาร์จไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ และลดจำนวนเรื่องร้องเรียน หรือคดีทุจริตเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว
จึงได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกัน การแสวงหาประโยชน์และการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม กรณีเจ้าพนักงานของรัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยมิได้รับอนุญาต และให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา
คณะรัฐมนตรีควรกำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางการควบคุมและแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด เกี่ยวกับการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวมาประจุไฟฟ้าในสถานที่ทำการ เพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์ และป้องกันการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม โดยหลักเกณฑ์หรือแนวทางการควบคุมและแนวทางการปฏิบัติ ควรกำหนดให้มีรายละเอียดในประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐใดประสงค์จะจัดทำเป็นสวัสดิการให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน โดยอนุญาตให้สามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าได้ ณ สถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่เป็นสวัสดิการของหน่วยงานของรัฐ ต้องมีการกำหนดระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้า
โดยให้ถือปฏิบัติ โดยเคร่งครัด และต้องกำหนดมาตรการควบคุม กำกับ ดูแล รวมทั้งบทลงโทษสำหรับกรณีที่เจ้าพนักงานของรัฐมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวไปอัดประจุไฟฟ้าโดยมิได้รับอนุญาต
2. ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ต้องดำเนินการ ติดป้ายประกาศ ณ สถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐว่าเป็นจุดที่จัดไว้ เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการเท่านั้น
ทั้งนี้ หากหน่วยงานของรัฐประสงค์จะจัดทำเป็นสวัสดิการ ให้แก่บุคลากรในหน่วยงาน และอนุญาตให้บุคลากรในหน่วยงานสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัว ไปอัดประจุไฟฟ้าได้ จะต้องติดตั้งสถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่เป็นสวัสดิการแยกต่างหากอย่างชัดเจนจากสถานีหรือเครื่องอัดประจุไฟฟ้าซึ่งจัดไว้เฉพาะของทางราชการเท่านั้น
โดยอาจดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายใน ส่วนราชการ พ.ศ. 2547หรือระเบียบสวัสดิการภายในของหน่วยงานของรัฐ โดยอาจกำหนดให้มีการชำระค่าบริการตามอัตราที่กำหนด เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยงานของรัฐ และจะต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรภายในหน่วยงานของรัฐรับทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด