นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การผ่อนคลายกฎระเบียบจะช่วยลดต้นทุนธุรกิจ ทบทวนกระบวนการอนุมัติอนุญาตที่ไม่จำเป็นลงมาให้มากที่สุดทำให้ความสามารถในแข่งขันของเศรษฐกิจและธุรกิจไทยดีขึ้น
ทั้งนี้ จากงานศึกษาวิจัยพบว่า รัฐบาลสามารถยกเลิกหรือแก้ไขกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นกว่า 1,000 กระบวนงาน กระบวนงาน กฎระเบียบขั้นตอนมากมายเหล่านี้ทำให้เกิดต้นทุนให้กับประชาชนและภาคธุรกิจประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อปี
การผ่อนคลายกฎระเบียบและยกเลิกขั้นตอนที่ไม่จำเป็นจะทำให้ ภาคเอกชนสามารถประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 1.3 แสนล้านบาทต่อปี ที่สำคัญ การทบทวนยกเลิกกฎระเบียบเหล่านี้ รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากมาใช้ในมาตรการแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี แม้การส่งออกไทยในไตรมาสแรกมีมูลค่าสูงถึง 81,532 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้ว แต่น่าสังเกตว่า จีดีพีการผลิตอุตสาหกรรมไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 0.6% ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงชะลอตัวลง อัตราการใช้กำลังการผลิตของบางอุตสาหกรรมส่งออกยังคงต่ำว่า 60% จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเลขส่งออกนั้นดีกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นผลจากการสวมสิทธิการส่งออก สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิไทยในการส่งออกสะท้อนการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ ต้องมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง
ขณะเดียวกัน กลุ่มอุตสาหกรรมของไทยยังเผชิญกับปัญหาสินค้าทุ่มตลาด (Dumping) และการตีตลาดจากสินค้าจีนอย่างต่อเนื่อง สินค้าที่ทะลักเข้ามาได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคการผลิตกว่า 23 อุตสาหกรรม ได้แก่
เครื่องนุ่งห่ม สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ เหล็ก อลูมิเนียม เครื่องจักรกลการเกษตร เยื่อกระดาษ เซรามิก ปูนซีเมนต์ หนังและผลิตภัณฑ์หนัง เป็นต้น