นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐมีแผนจะปล่อยเสินเชื่อใหม่เพิ่มเติม จำนวน 2 โครงการ ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยสินเชื่อโครงการแรกจะมีเงื่อนไขใกล้เคียงกับโครงการสินเชื่อเสือติดปีก ปี 2568 กู้ได้ทั้งลูกค้าเดิมของกองทุนและลูกค้าใหม่
และอีกหนึ่งโครงการจะเป็นสินเชื่อเติมทุนหนุนธุรกิจ (Top Up) ช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อชั้นดี (บัญชีเกรด A) ใช้ลงทุน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ภายใต้กรอบวงเงินกว่า 2,800 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างยื่นของบประมาณในปีงบประมาณ 2569
ขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปี 68 ยังเตรียมบรรเทาภาระการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนฯ ยกเว้นการชำระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 12 เดือน
ส่วนผลการดำเนินงานโครงการสินเชื่อและการส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอีของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯปี 68 นั้น ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งแรงกดดันทางการค้าโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ส่งผลให้เวิลด์ แบงก์ และไอเอ็มเอฟ ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 2568 ลง
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้เอสเอ็มอี (SMEs) ไทย ทั้งต้นทุนสูงขึ้น การแข่งขันรุนแรง รายได้ที่ลดลง ขาดสภาพคล่อง ปัญหาหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม จึงเร่งให้ความช่วยเหลือผ่าน 2 โครงการสินเชื่อใหม่ คือ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงิน 1,200 ล้านบาท และต่อมาเพิ่มอีก 400 ล้านบาท
และ 2.โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) วงเงิน 700 ล้านบาท ล่าสุดมีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว กว่า 2,200 ล้านบาท
ซึ่งคาดว่าสินเชื่อทั้งสองโครงการดังกล่าวจะช่วยต่อทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี สร้างเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงานไว้ได้มากกว่า 5,000 อัตรา