นายพงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เปิดเผยว่า ปี 68 บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 20-30% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 16,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะประสบภาวะชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็เผชิญความผันผวนจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทจะมุ่งตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ และเน้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าผ่านการลงทุนเพิ่มปีนี้ 100 ล้านบาท
ปัจจุบัน บางกอกเคเบิ้ล มีพนักงานกว่า 1,250 คน มีโรงงานผลิตสายไฟทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานสมุทรปราการ โรงงานฉะเชิงเทรา และOperation and Innovation Center ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งที่ 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา รวมพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทราทั้งหมดกว่า 251 ไร่ มีกำลังการผลิตสายไฟกว่า 60,000 ตันต่อปี ครอบคลุมผลิตภัณฑ์มากกว่า 80 ชนิด รวมถึงมีโซลูชั่นปรับแต่งเฉพาะตามความต้องการ ถือเป็นพอร์ตฟอลิโอที่กว้างที่สุดในประเทศไทย รองรับความต้องการทุกกลุ่มลูกค้าถึง 7 กลุ่มการใช้งาน
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 หรือช่วงปลายเหตุการณ์ COVID-19 กำลังการผลิตรวมของบริษัทเติบโตขึ้นมากกว่า 30% ต่อปี โดยเป็นผู้ผลิตสายไฟที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ ซึ่งในปี 2567 บริษัทส่งมอบสายไฟไปกว่า 50,000 ตัน หรือคิดเป็นความยาวสายไฟรวมกว่า 400,000 กิโลเมตร
สำหรับโรงงานที่ฉะเชิงเทรานั้น ถือเป็นโรงงานผลิตหลักที่มีกระบวนการผลิตครอบคลุมทุกขั้นตอน มีคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
นายพงศภัค กล่าวอีกว่า บริษัทได้จัดตั้ง ห้องปฏิบัติการสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ (Extra High Voltage Lab) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทดสอบสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ 230 kV ซึ่งเป็นสายไฟที่ใช้กับโครงสร้างพื้นฐานและเมกะโปรเจกต์ต่างๆ
“ห้องปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจำลองการใช้งานไฟฟ้าระดับ 700 kV และกระแสสูงถึง 6,000 A ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าสายไฟที่ผลิตมีความปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรม โดยถือเป็นผู้ผลิตไทยแห่งเดียวของประเทศที่มีห้องปฎิบัติการทดสอบ อีกทั้งยังคงผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ในกระบวนการทำงานภายในโรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนโรงงานของสู่ Smart Factory 4.0”
นอกจากนี้ บริษัทยังใส่ใจเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดด้วยการก่อตั้ง บริษัท บางกอก โซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด บริษัทในเครือ เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดของประเทศ โดยได้ดำเนินการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของประเทศไทย ภายในพื้นที่โรงงานฉะเชิงเทรา ในปี พ.ศ. 2549
และปัจจุบันได้ขยายการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ภายในพื้นที่โรงงานจนมีปริมาณโซลาร์ที่ครอบคลุมกว่า 50% ของกำลังการผลิตของทั้ง 3 โรงงาน
ปัจจุบัน บางกอกเคเบิ้ล มีสายไฟครอบคลุมทั้งสายไฟฟ้าแรงดันต่ำ สายไฟฟ้าแรงดันปานกลาง สายไฟฟ้าแรงดันสูง สายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ สายเปลือย สายโซลาร์เซลล์ สายคอนโทรลและสายสัญญาณ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สายทนไฟ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งานที่เน้นความปลอดภัยและรองรับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล