นานยอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ส่งออกและเศรษฐกิจไทยช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีอาจดีกว่าคาด
หากไทยสามารถเจรจาให้อัตราภาษีลดลงมาต่ำกว่า 30% หากไทยถูกเก็บภาษีในอัตรา 36% ย่อมไม่สามารถแข่งขันจากสินค้าจากจีนได้
ทั้งนี้ การทำงานเชิงรุกเพื่อรับมือกับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐอเมริกา 36% เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยไม่ให้จีดีพีของไทยขยายตัวต่ำกว่า 2% หากไม่สามารถเจรจาลดภาษีได้เลย มีโอกาสเช่นเดียวกันที่อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังอาจติดลบเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก และภาคส่งออกจะติดลบเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่า รัฐบาลไทยจะสามารถเจรจาเพื่อดึงอัตราภาษีนำเข้าที่สูงถึง 36% ลงมาให้ต่ำกว่า 30% ได้ หากลงมาอยู่ระดับ 10-15% เศรษฐกิจและภาคส่งออกไทยน่าจะยังประคับประคองไปได้
แต่ปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่งของไทย คือ เสถียรภาพของรัฐบาล หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือทีมเจรจาในระหว่างการเจรจาอาจทำให้เกิดอุปสรรคได้ เสถียรภาพทางการเมือง เป็นปัจจัยเสี่ยงเฉพาะของไทย
ส่วนผลกระทบภาษีนำเข้า กระทบทั่วโลก การไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้ ไทย เสียเปรียบในการเจรจา และ ไม่สามารถเริ่มการเจรจากับสหรัฐฯได้ตามกรอบเวลาเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าเม็ดเงินของกองทุนและนักลงทุนจะถูกโยกเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดการเงินมากขึ้น กองทุนและนักลงทุนอาจลดการถือเงินสดและทองคำลงบ้าง คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะฟื้นตัวแรง
ขณะที่ราคาทองคำน่าจะปรับตัวลงแรงแต่ยังไม่ใช่ขาลง ตราบเท่าที่ความเชื่อมั่นต่อเงินสกุลดอลลาร์ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯไม่เหมือนเดิม สถานการณ์สงครามการค้ายังไม่แน่นอน และยังมีความเสี่ยงจากสงครามในหลายพื้นที่