เบื้องลึกบอร์ดค่าจ้าง ถกขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท จับตาข้อสรุป พ.ค.นี้

02 พ.ค. 2568 | 06:30 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2568 | 06:37 น.

ผ่าเบื้องลึกบอร์ดค่าจ้าง หารือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เช็คบรรยากาศการประชุมครั้งล่าสุดเสียงนายจ้าง ลูกจ้าง ภาครัฐ ก่อนประชุมนัดต่อไปเดือนพ.ค.นี้ หาข้อสรุป

การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ “ค่าแรงขั้นต่ำ” รอบใหม่ 400 บาทต่อวัน ตามนโยบายของรัฐบาล ดูเหมือนจะไม่ง่ายนัก หลังมีการเรียกประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 (บอร์ดไตรภาคี) เมื่อปลายเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่ามา แต่ยังไร้ข้อสรุป โดย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง ระบุว่าที่ประชุมมีความเห็นที่ต่างกัน เห็นด้วยส่วนหนึ่ง ไม่เห็นด้วยอีกส่วน และให้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำมาพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง 

 

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22

 

ต่อมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้ความเห็นถึงประเด็นขึ้น “ค่าแรงขั้นต่ำ” รอบใหม่ 400 บาทต่อวัน เมื่อวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม 2568 ระบุว่า รัฐบาลจะพยายามผลักดันการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม นี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ผู้ใช้แรงงานต่อไป พร้อมให้ติดตามการประชุมบอร์ดไตรภาคีที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค.นี้

อย่างไรก็ดีหากย้อนไปยังการประชุมนัดก่อน พบว่า ได้มีการหารือถึงเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ “ค่าแรงขั้นต่ำ” รอบใหม่ 400 บาทต่อวัน อย่างเข้มข้น โดยดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้า และอุตสาหกรรมไทย (ECONTHAI) เปิดเผยถึงประเด็นที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ หรือค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่ โดยมีเป้าหมาย 400 บาทต่อวัน รวม 5 ประเด็น ดังนี้

1. นายจ้างไม่เห็นด้วย

เนื่องจากค่าจ้างที่ใช้อยู่เพิ่งปรับไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เพียงแค่ 4 เดือนปรับใหม่เห็นว่าไม่สมควรขณะที่เศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่เอื้ออัตราเงินเฟ้อต่ำ กอปรทั้งมีความเสี่ยงจากนโยบายสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีอัตราร้อยละ 10 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว รอบต่อไปอัตราร้อยละ 36 เริ่มมีผลบังคับใช้ 9 กรกฎาคม ซึ่งอยู่ระหว่างการนัดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ทราบว่าขณะนี้ทางสหรัฐฯ ยังไม่รับนัด

หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะมีความเสี่ยงอาจถึงขั้นหดตัวกระทบต่อการปิดตัวของสถานประกอบการและการเลิกจ้าง

2. ตัวแทนภาครัฐก้ำกึ่งกันไม่เห็นด้วย

เท่าที่รับทราบผู้แทนจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างในช่วงเวลานี้ เนื่องจากภาวะเศรษกิจมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวในอัตราต่ำเป็นการหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้

สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่จังหวะที่จะปรับค่าจ้างควรเน้นนโยบายการรักษาการจ้างงานเหตุผลเพราะส่งออกเป็นภาคส่วนที่อยู่ใน GDP สัดส่วนร้อยละ 57 เกี่ยวข้องกับโซ่อุปทานทั้งภาคการผลิต-บริการ เกษตรกรรม มีการจ้างงานแรงงานมากกว่า 1 ใน 3 ของกำลังแรงงานทั้งประเทศ 

3. การปรับค่าจ้างภาคท่องเที่ยวและบริการ

ที่ผ่านมามีการปรับค่าจ้าง 400 บาทจังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและอำเภอเกาะสมุย แต่การผลักดันทั่วประเทศอาจกระทบกับโรงแรมและสถานบริการที่อยู่ในเมืองรอง

อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจากนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ อาจได้รับผลกระทบหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีการปรับประมาณการณ์นักท่องเที่ยงวต่างชาติ ปี 2568 ลดลงเหลือ 35 ล้านคน จากเป้าที่ตั้งไว้ 39 ล้านคน โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนหายไปกว่า 1 ใน 2 

4. เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนแอ

ในการประชุมกรรมการค่าจ้างหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจให้ข้อมูลว่าในปีที่ผ่านมานิติบุคคลที่จดทะเบียนยกเลิกกิจการมีจำนวน 23,679 ราย และที่ปิดกิจการโดยยังไม่แจ้งมีจำนวนประมาณ 29,000 ราย

อีกทั้งผลกระทบจากสงครามการค้าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูงมีการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจลงและกรณี Worst Case Scenario สหรัฐอเมริกาไม่ยกเลิกมาตรการหรือเจรจาภาษีไม่สำเร็จอาจหดตัวและอาจเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ข้อมูลที่มาสนับสนุนให้มีการปรับค่าจ้างเป็นข้อมูลพื้นฐานภายใต้เศรษฐกิจที่เปราะบางและไม่แน่นอนสูงการปรับค่าจ้างอาจไม่เหมาะสมและ/หรือควรใช้หลักวิชาการในการพิจารณา

5. สรุปการปรับค่าจ้าง 400 บาทช่วง 1 พฤษภาคม 2568 ไม่สามารถตกลงกันได้

เนื่องจากคณะกรรมการมีความเห็นไม่ตรงกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานรับที่จะไปหาข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ให้เอื้อต่อการปรับค่าจ้าง อาจมีการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคมคงเป็นหลังการเลือกตั้งและแต่งตั้งคณะกรรมการค่าจ้างชุดใหม่ซึ่งเดือนพฤษภาคมอาจไม่ทัน

อย่างไรก็ตามผลของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ “ค่าแรงขั้นต่ำ” รอบใหม่ 400 บาทต่อวัน หลังจากการประชุมบอร์ดไตรภาคี เดือนพฤษภาคม 2568 นี้ จะออกมาอย่างไรคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด