ไทม์ไลน์ ไทยพาวิเลียน World Expo 2025 จากคัดเลือกสู่เฉพาะเจาะจง

20 เม.ย. 2568 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2568 | 08:39 น.

เจาะลึกกระบวนการจัดจ้างไทยพาวิเลียนไทยในงาน World Expo 2025 กับงบประมาณกว่า 880 ล้านบาท พบข้อสังเกตการเปลี่ยนวิธีประมูล และความคล้ายคลึงของชื่อบริษัทที่สาธารณชนควรได้รับคำชี้แจง

ฐานเศรษฐกิจ - งานพาวิเลียนไทยในมหกรรมระดับโลก World EXPO 2025 ที่โอซาก้า ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักในหลายประเด็น ทั้งด้านการออกแบบและเนื้อหาที่ถูกมองว่าเป็นงาน "ดีไซน์เอกชน คอนเท้นท์ข้าราชการ" แต่ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

ประเด็นสำคัญที่ถูกตั้งคำถามคือกรณี "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ผู้ชนะการประมูลด้วยวงเงินกว่า 867.8 ล้านบาท ที่มีชื่อใกล้เคียงกับ "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในช่วงใกล้เคียงกับการประมูล แต่ได้เลิกกิจการไปแล้วตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ย้อนไทม์ไลน์โครงการตั้งแต่ข้อเสนอ ครม.อนุมัติ

โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 อนุมัติหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน Expo 2025 Osaka Kansai โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลัก

ต่อมาในวันที่ 20 ธันวาคม 2565 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแผนการดำเนินงานและกรอบงบประมาณตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้ดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566-2569 และอนุมัติให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็น Commissioner General of Section (CG) ของประเทศไทย

กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เป็นผู้ดำเนินการหลักในการจัดนิทรรศการ และในวันที่ 14 มีนาคม 2566 ครม. ได้อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2566-2569 ในวงเงิน 867,881,611 บาท

การจัดซื้อจัดจ้างและการปรับเปลี่ยนราคากลาง

กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีความน่าสนใจตรงที่มีการยกเลิกและประกาศใหม่หลายครั้ง:

27 เมษายน 2566: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกำหนดราคากลางครั้งแรกที่ 867,880,000 บาท โดยสืบราคาจากท้องตลาด 2 บริษัท คือ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด

16 พฤษภาคม 2566: มีการยกเลิกการจ้างโดยวิธีคัดเลือกเนื่องจากไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก

18 พฤษภาคม 2566: มีการกำหนดราคากลางใหม่ที่ 867,880,000 บาท (วงเงินเท่าเดิม) โดยยังคงอ้างอิงราคาจากบริษัทเดิมทั้งสองแห่ง

กรกฎาคม 2566: ได้ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาโดยวิธีคัดเลือก (ครั้งที่ 2) คือ กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ด้วยวงเงิน 862,000,000 บาท (ลดลง 5,880,000 บาท จากราคากลาง)

9 ตุลาคม 2566: มีการยกเลิกการจัดจ้างครั้งที่ 2 เนื่องจากเกินกำหนดการยืนราคาและผู้ชนะไม่ประสงค์จะยืนราคาเดิมหรือทำสัญญา

17 ตุลาคม 2566: กำหนดราคากลางครั้งที่ 3 ที่ 867,877,000 บาท (ลดลง 3,000 บาท จากราคากลางเดิม) โดยสืบราคาจากท้องตลาดเพียงรายเดียวคือ กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ

20 ตุลาคม 2566: ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ได้แก่ กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ด้วยวงเงิน 867,800,000 บาท (ลดลง 77,000 บาท จากราคากลางครั้งที่ 3)

ที่น่าสังเกตคือ มีการเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจัดจ้างจากวิธีคัดเลือกเป็นวิธีเฉพาะเจาะจง และการกำหนดราคากลางครั้งสุดท้ายอ้างอิงราคาจากบริษัทที่เป็นผู้ชนะการประมูลเพียงรายเดียว

ผู้ชนะการประมูล

ผู้ชนะการประมูลงานนี้คือ "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะการเสนอราคาในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ด้วยวงเงิน 867,800,000 บาท โดยวิธีเฉพาะเจาะจง

นอกจากนี้ ในวันที่ 27 มีนาคม 2568 "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ยังได้รับงานเพิ่มเติมคือการจ้างจัดพื้นที่รองรับการจัดนิทรรศการชั่วคราว (Temporary Exhibition) ในงาน Expo 2025 ด้วยวงเงินอีก 12,650,000 บาท โดยวิธีเฉพาะเจาะจงเช่นกัน

ชื่อผู้ชนะการประมูลที่เหมือนกับบริษัทที่เลิกกิจการ

ประเด็นที่สร้างความสงสัยอย่างมากคือ จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามี "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" ซึ่งมีชื่อคล้ายคลึงกับผู้ชนะการประมูล โดยบริษัทนี้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 (ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง) ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท

ที่น่าแปลกคือบริษัทดังกล่าวได้แจ้งเลิกกิจการไปแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 และเสร็จสิ้นการชำระบัญชีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 แต่ "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" ยังได้รับงานเพิ่มเติมในวันที่ 27 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่บริษัทที่มีชื่อคล้ายกันได้เลิกกิจการไปแล้ว

ข้อมูลระบุว่า "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" มีกรรมการคือ นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ และนายนภดล สัตยารักษ์ โดยมีที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ที่ 118 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจด้านสถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้อง

แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า "กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ" และ "บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด" เป็นนิติบุคคลเดียวกันหรือไม่ แต่ความคล้ายคลึงของชื่อและช่วงเวลาที่เกิดขึ้นได้สร้างความสงสัยให้กับสาธารณชนถึงความโปร่งใสของการใช้งบประมาณแผ่นดินกว่า 880 ล้านบาทในโครงการนี้