บีโอไอ (BOI) เปิดเผยถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในไทย เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
โดยปกตินักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยจะมีการวางแผนที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะศึกษาข้อมูลด้านต่างๆมาเป็นอย่างดี และการลงทุนนั้นจะเป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก
ขณะที่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาข้อมูลในการขอส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในทิศทางที่เพิ่มขึ้นและบีโอไอยังไม่ได้มีการปรับลดเป้าหมายในการขอส่งเสริมการลงทุนในปีนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ล่าสุดบีโอไอได้ดำเนิการเปิดศูนย์บริการนักลงทุนและบุคลากรต่างชาติ (Thailand Investment and Expat Services Center : TIESC) ที่โครงการ One Bangkok
โดย TIESC เป็นศูนย์กลางการให้บริการแก่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งได้รวมบริการของศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (One Start One Stop Investment Center : OSOS) ซึ่งให้บริการคำปรึกษาและข้อมูลอย่างครบวงจรแก่นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในประเทศไทย
รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในการประสานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งธุรกิจมาร่วมให้ข้อมูลเป็นจุดเดียว และศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service for Visa and Work Permit) เป็นศูนย์ให้บริการครบวงจรด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างบีโอไอ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมการจัดหางาน โดยยกบริการของทั้ง 3 หน่วยงานมาไว้จุดเดียว
อีกทั้งทุกหน่วยงานยังมีการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ระบบ Single Window for Visa and Work Permit ซึ่งทำให้นักลงทุนสามารถยื่นขออนุมัติ/อนุญาตทางระบบออนไลน์
และเป็นการยื่นเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องแยกยื่นเอกสารกับแต่ละหน่วยงาน นับเป็นตัวอย่างของการบูรณาการระหว่างหน่วยงานรัฐให้เกิดความสะดวกสบาย ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และเพิ่มความรวดเร็วในการบริการนักลงทุนและบุคลากรต่างชาติ