นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกรรมการ กนอ. เปิดเผยว่าได้มีการตรวจสอบนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งทั่วประเทศ หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา และส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยมีการตรวจลึกถึงระบบโครงสร้าง
ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นลักษณะโรงงาน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ กนอ. ทั้งหมด 71 นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ มีโรงงานทั้งหมด 5,375 แห่ง ผลตรวจสอบเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่มีความเสียหาย การันตีได้ว่าค่อนข้างมั่นคงเรียบร้อยและไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากเหตุแผ่นดินไหว และ กนอ. ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเช็คทุกจุดแม้กระทั้งระบบท่อแก๊ส โครงสร้างทั้งหมด
ส่วนภาคธุรกิจที่เป็นสำนักงานตั้งอยู่บนตึกสูงใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครที่ค่อนข้างเสี่ยงและได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ได้มอบหมายผู้อำนวยการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดต่อสอบถามไปยังบริษัทต่างๆ เพื่อขอเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ผลกระทบ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยตรวจสอบทุกบริษัทในกรุงเทพฯ อย่างละเอียด
“ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว กนอ. ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งทั่วประเทศ รวมถึงท่าเรืออุตสาหกรรม พบว่าทุกระบบยังคงเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ไม่มีความเสียหายหรือผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว“
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างเสี่ยง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมด้านแก๊ส และไฟฟ้า กนอ. ยังไม่ได้รับข้อมูลผลกระทบความเสียหายแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องการให้มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือ การเรียกความมั่นใจให้กับนักลงทุนให้เชื่อมั่นในความปลอดภัยของนิคมอุตสาหกรรมไทย ซึ่ง กนอ. พร้อมที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการ และแถลงข่าวพร้อมกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจทั่วกัน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ มีผู้ประกอบการหรือนักลงทุนติดต่อสอบถามมากับทาง กนอ. บ้าง ซึ่งทาง กนอ. ไม่ได้มีความกังวลใดๆ และส่วนมากการสอบถามเข้ามาจะเป็นคำถามทั่วไปด้านความปลอดภัย ซึ่งทาง กนอ. มีการเตรียมข้อมูลพร้อมที่จะตอบคำถามครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ด้านธรณีวิทยา หรือ ข้อมูลผลตรวจสอบ ซึ่งทางอุตสาหกรรมไทยก็ต้องมีการปรับตัวหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป
"เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนมากนัก เนื่องจาก การที่นักลงทุนจะตัดสินใจเข้ามาเลือกลงทุนนั้น ก็จะมองอีกหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่มุมมองด้านภัยพิบัติ"