นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการส่งทีมตรวจการกระทรวงฯ ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วในพื้นที่ ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังได้รับการร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบทางมลพิษจากกลุ่มบริษัทรีไซเคิล จำนวน 4 ราย ในบริเวณดังกล่าว
เป็นสาเหตุทำให้นาเกลือ ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชนละแวกนั้น กลายเป็นเกลือสีดำ ทำให้ผลผลิตเสียหาย ซึ่งคาดว่าเกิดจากการหลอมโลหะหนักของกลุ่มโรงงานรีไซเคิลจนมีเขม่าและละอองรวมทั้งปัญหาน้ำเสียจากโรงงานที่ไหลซึมลงสู่นาเกลือ อีกทั้งยังมีปัญหากลิ่นเหม็นรบกวน โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่มีการเดินเครื่องเตาหลอม
ซึ่งในจำนวนนี้มีโรงงานที่เคยถูกสั่งระงับการประกอบกิจการชั่วคราว ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ทั้ง 4 โรงงานมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ไม่พบการขออนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงาน และไม่พบการแจ้งการขนส่ง เป็นต้น จึงสั่งให้ดำเนินคดีในทุกการกระทำผิดอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ เตรียมจะพิจารณาออกหรือปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อควบคุมการจัดการมลพิษของโรงงานที่ประกอบกิจการประเภทแยกและบดย่อยชิ้นส่วน
รวมถึงที่ประกอบกิจการกำจัดกากอุตสาหกรรมและเศษอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนกำหนดแนวทางเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า กระทรวงฯได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในการเข้าตรวจสอบ 4 โรงงานในพื้นที่ ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาครได้แก่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 4 โรงงานมีการกระทำผิดกฎหมาย และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้สั่งให้หยุดประกอบกิจการและสั่งปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องภายใน 60 วัน และไม่ให้มีการขยายเวลาต่อ ทั้งในประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม การปล่อยมลพิษทางอากาศ และน้ำเสีย
หากมีการฝ่าฝืนคำสั่งลักลอบประกอบกิจการรวมถึงไม่เร่งปรับปรุงให้แล้วเสร็จตามกำหนด จะดำเนินการยกระดับคำสั่งและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
ส่วนผลการตรวจสอบทั้ง 4 โรงงาน คือ
โดยทั้ง 4 โรงงานไม่มีการแจ้งขออนุญาตขนกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่ และลักลอบฝังในพื้นที่ตนเอง เข้าข่ายครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เบื้องต้นได้ยึดอายัดกากอุตสาหกรรมที่ต้องสงสัยเป็นอะลูมิเนียมดรอสจำนวนรวมกว่า 3.5 หมื่นตันไว้เพื่อนำตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ หากยืนยันว่าเป็นอะลูมิเนียมดรอส ก็จะดำเนินคดีฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งโทษครอบครองวัตถุอันตรายจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องทำการกำจัดวัตถุอันตรายให้ถูกต้องตามกฎหมายและดำเนินการอยู่บนหลักของความปลอดภัยไม่ให้มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป”