ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องทราบ ครม. ได้ยกเลิกการชำระค่าโดยสารได้เกิน วงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือน ถัดไป ซึ่งเป็นโครงการลงทะเบียนพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 (โครการเก่า)
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ได้เห็นชอบให้ยกเลิกการอนุญาตให้ ชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจาก วงเงินในเดือนถัดไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 และให้ดำเนินการ ดังนี้
1.ผู้ไม่ผ่านคุณสมบัติฯ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 จำนวน 286 ราย จำนวนเงิน 12,496 บาท ให้กรมบัญชีกลางนำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินข้างต้น เบิกจ่ายจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมชำระให้แก่การ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (รฟม.) แทนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว 2.ผู้ผ่านคุณสมบัติฯ ตามโครงการฯ ปี 2565 จำนวน 356 ราย จำนวนเงิน 15,793 บาท ให้ นําจํานวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินสิทธิในเดือนที่ผ่านมาไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เรียบร้อย แล้ว
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เกิดขึ้นตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการฐานรากและสังคม ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงระบบการบริหารจัดการสวัสดิการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่เคยใช้สิทธิเกินวงเงินไปแล้ว กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ได้กำหนดแนวทางการจัดการดังนี้:
1. กรณีผู้ถือบัตรที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565
2. กรณีผู้ถือบัตรที่ไม่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565
ปัจจุบันสามารถใช้กับรถไฟฟ้า รฟม. ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง
วงเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้าต่อเดือนเป็นเท่าใด?
ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ได้รับวงเงินค่าโดยสารรถ ขสมก. ระบบ e-Ticket หรือรถไฟฟ้า จํานวน 500 บาทต่อคน ต่อเดือน
บัตรประเภทใดที่สามารถใช้แตะประตูอัตโนมัติได้?
ปัจจุบันผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 สามารถใช้สิทธิวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบ ขนส่งสาธารณะ รวม 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ ดังนี้
(1) รถเมล์ ขสมก.
(2) รถ บขส.
(3) รถไฟฟ้าทุกสาย
(4) รถไฟ
(5) รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ที่เข้าร่วมโครงการฯ
(6) รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน ที่เข้าร่วมโครงการฯ
(7) รถสองแถวรับจ้างที่เข้าร่วมโครงการฯ
โดยเริ่มให้สิทธิสวัสดิการเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการฯ ปี 2565 สามารถใช้บัตรประชาชนในการใช้สิทธิดังกล่าว ได้
การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงระบบสวัสดิการให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ควรวางแผนการใช้จ่ายให้อยู่ภายในวงเงิน 500 บาทต่อเดือนที่ได้รับการจัดสรร เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสวัสดิการที่รัฐจัดให้
อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บัตรสวัสดิการฯ สามารถสอบถามได้ที่กรมบัญชีกลาง หรือสายด่วนศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร 1111