นายร็อบ ฮูเรนคัมป์ หุ้นส่วนผู้จัดการ บริษัท ฟอร์วิส มาซาร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่ปรึกษาด้านบัญชี กฎหมาย ภาษี และการเงินในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 20,000 -25,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ 5 - 6%
โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาด 2.5% หรืออันดับ 6 ของตลาด คิดเป็นรายได้ประมาณ 600 ล้านบาท โดยสัดส่วนหลักมาจากกลุ่มบริษัทต่างชาติ 90-95%
ทั้งนี้ ในปี 68 บริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นตัวเลขสองหลัก และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มอีก 1% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก โดยจะใช้ความเชี่ยวชาญของบริษัทเป็นกลยุทธ์ในการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคเลือกใช้บริการ ซึ่งบริษัทตั้งจะขยับไปอยู่อันดับ 5 ของตลาดในเมืองไทยภายใน 4 ปี
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ดำเนินการลงทุนในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการให้คำปรึกษาในบริการด้านภาษี และบริการให้คำปรึกษาทางการเงิน โดยทั้งสองสายงานมุ่งเน้นไปที่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 4 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนในสายงานบริการตรวจสอบบัญชีเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดกรอบคุณภาพระดับโลกที่พัฒนาไป ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือกว่าบริษัทตรวจสอบบัญชีอื่น
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่สำคัญของ ฟอร์วิส มาซาร์ส คือการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรระดับมืออาชีพ ซึ่งเป็นปัญหาที่ท้าทายในอุตสาหกรรม โดยในแต่ละปีบริษัทฯ มีการจ้างบัณฑิตจบใหม่ 60-80 คน แต่พบว่าประมาณ 40-50% ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพภายในหนึ่งปี เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวบริษัทฯ จึงได้มุ่งเน้นการยกระดับความสามารถในสรรหา ฝึกอบรม รักษา และพัฒนาพนักงานมืออาชีพ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ
สำหรับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไทยมีแนวโน้มในการฟื้นตัวที่ไม่ดีนัก รวมทั้งการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลง สิ่งที่น่ากังวลคือกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมีแรงงานอยู่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ SMEs ของไทย ยังขาดโอกาสในการขยายการเติบโต
รวมถึงขาดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนั้นเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยควรพิจารณาพัฒนานโยบายเพื่อสนับสนุน SMEs รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับธุรกิจเหล่านี้
ขณะที่บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น และตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มลูกค้า SMEs เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน