“อมตะ” รุกสร้างเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคตสปป.ลาว เชื่อมเศรษฐกิจการค้าภูมิภาค
“อมตะ” รุกสร้างเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคตในสปป.ลาว มุ่งเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าภูมิภาค ตั้งเป้าเป็นต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคที่ใช้โซลูชั่นอัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) บริษัทฯได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ในแขวงอุดมไซ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ สปป.ลาว โดยมีการลงนามในสัญญาสัมปทานกับรัฐบาลลาวผ่านบริษัท อมตะ ซิตี้ ลาว จำกัด เมื่อปี 2565
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายในการพัฒนาเป็นต้นแบบของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคที่ใช้โซลูชั่นอัจฉริยะและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 19,000 ไร่ และเริ่มดำเนินการในเฟสแรกที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 6,000 ไร่
สำหรับอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อนั้น ติดกับกับสถานีรถไฟลาว-จีนแห่งใหม่ และแนวทางด่วนเพื่อเชื่อมต่อไปประเทศจีนในอนาคต นอกจากนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนสูงสุดในภูมิภาค ทำให้เป็นจุดเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการค้าในระดับภูมิภาคที่สำคัญ
อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนเริ่มต้นกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 17,000 ล้านบาท
นายวิกรม กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวเป็นการสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ที่ผสมผสานการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเทคโนโลยีขั้นสูง กับการคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดี เชื่อว่า อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาหม้อ จะกลายเป็นตัวอย่างของการพัฒนาเมืองในยุคใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งความต้องการทางเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยอมตะมุ่งที่จะนำเสนอโมเดลการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนที่ยั่งยืน
นายสอนประเสริฐ ดาลาวงศ์ หัวหน้าห้องว่าการคุ้มครองและส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ กระทรวงแผนการและการลงทุน สปป.ลาว กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของ สปป.ลาว และจะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มุ่งเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนด้านนวัตกรรม และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
“เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในอนาคต และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้ โดยจะโมเดลของการพัฒนาเมืองที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระยะยาว ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว และภูมิภาคในอนาคต”