แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือแจ้งต่อรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้บริหารทุกหน่วยงานราชการ รับทราบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการดำเนินการร่างอนุบัญญัติ หรือ “กฎหมายลำดับรอง” ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือคณะกรรมการ ตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว มีเนื้อหาสำคัญ ระบุว่า
ด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ร่างอนุบัญญัติมีผลใช้บังคับได้โดยเร็วและสามารถนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรณีร่างอนุบัญญัติ หรือ กฎหมายลำดับรอง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหรืออนุมัติหลักการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว
โดยยังคงเป็นไปตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติและมิได้แก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ จึงมีมติให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเรื่องมาเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ถือปฏิบัติต่อไป
สำหรับสถิติทางด้านกฎมายของประเทศไทยนั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แจ้งข้อมูลว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ประเทศไทยมีกำหมายสำคัญด้วยกันหลายฉบับ แยกเป็น กฎหมายใหญ่ที่สุดคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 1 ฉบับ ส่วนที่เหลือประกอบด้วย
ขณะที่การพิจารณากฎหมายต่าง ๆ นั้น ในเดือนมกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการพิจารณาร่างกฎหมายแล้วเสร็จ 27 เรื่อง เช่น ร่างพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง ร่างพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และร่างกฎกระทรวงการจดทะเบียนครอบครัวในต่างประเทศ รวมทั้งยังให้ความเห็นทางกฎหมายแล้วเสร็จแล้ว 117 เรื่อง