หอการค้าไทย-จีน เล็งขนผู้ประกอบการบุกตลาดแดนมังกร สบช่องงาน CISCE เจาะตลาด

23 ม.ค. 2568 | 01:19 น.

หอการค้าไทย-จีน เล็งขนผู้ประกอบการบุกตลาดแดนมังกร สบช่องงาน CISCE เจาะตลาด เดินหน้าร่วมมือ CCPIT มุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญ และเปิดโอกาสให้มีการพบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่

นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน (CCPIT) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญ และเปิดโอกาสให้มีการพบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่

รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือทั้งทางธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยหอการค้าไทย-จีน ได้นำคณะเข้าร่วมงานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติของจีน (CISCE) ครั้งที่ผ่านมา ทำให้มองเห็นว่ามีประโยชน์ในทางธุรกิจเป็นอย่างมาก  

ด้วยผู้จัดงาน CISCE มีศักยภาพสูงที่สามารถนำผู้ประกอบการสาขาต่างๆ ทั้งจากประเทศจีนและนานาประเทศ เข้าร่วมงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานระดับนานาชาติให้มีความเข้มแข็งและสร้างโอกาสสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค 

นายสุชาติ  ชมกลิ่น  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ  1 ของไทย เป็นเวลา 12 ปี ติดต่อกัน  การขยายตัวทางการค้าระหว่างไทยและจีนอย่างต่อเนื่อง 

หอการค้าไทย-จีน เล็งขนผู้ประกอบการบุกตลาดแดนมังกร สบช่องงาน CISCE เจาะตลาด

โดยปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี FTA ร่วมกัน 2 ฉบับ ได้แก่  ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)  

นอกจากนี้ ประเทศไทย ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ทั้งในส่วนของภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจบริการ  จึงมีความพร้อมที่จะมีส่วนร่วมเสริมสร้าง ซัพพลายเชนในภาคการผลิตของโลก

นาย Ren Hongbin ประธาน CCPIT  กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนในปี 2568 นี้ จึงเป็นโอการนำคณะนักธุรกิจจีนกว่า 100 คน เดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกเพื่อร่วมจัดสัมมนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ไทย-จีน 2025 และแนะนำงานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติของจีน

 อย่างไรก็ดี การที่เลือกเดินทางมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกในปีนี้ มาจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วย 

(1) เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ด้วยจีนมีประชากรชั้นกลางถึง 500 ล้านคน (จากประชากรทั้งหมดกว่า 1,400 ล้านคน) จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยการใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) 

(2) เพื่อขยายการลงทุนระหว่างไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อส่งเสริมการลงทุนซึ่งกันและกัน

 (3) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานของบริษัทและวิสาหกิจไทยและจีน

สำหรับงาน CISCE ครั้งที่ 3 จะจัดวันที่ 16-20 กรกฎาคม 2568 ที่กรุงปักกิ่ง โดยได้คัดเลือกธุรกิจกว่า 40 แห่ง มาแสดงในงาน รวมถึงจัดสัมมนาใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ห่วงโซ่การผลิตสมัยใหม่ (Advanced Manufacturing) ,อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด (Clean Energy) ,ยานยนต์อัจฉริยะ (Smart Vehicle) เน้นการใช้พลังงานสีเขียว 100% ,เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) ,ชีวิตที่มีสุขภาพที่ดี (Healthy Life) เป็นส่วนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีน ที่ขยายความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานกับบริษัทต่างชาติชั้นนำ และเกษตรกรรมสีเขียว (Green Agriculture)  

อย่างไรก็ตาม CCPIT ยังได้ร่วมลงนามเอ็มโอยู 5 ฉบับกับ หน่วยงานต่างๆ ได้แก่ หอการค้าไทย-จีน  หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  สภาธุรกิจไทย-จีน และ เครือ CP