สั่งคุมเข้มคุณภาพ'ปุ๋ยยูเรีย'นำเข้า

04 ก.ย. 2565 | 08:00 น.

"อธิบดีกรมวิชาการเกษตร" ปฎิบัติตามนโยบาย "มนัญญา ไทยเศรษฐ์" ป้องกันปุ๋ยด้อยคุณภาพขายเกษตรกร เชื่อแนวโน้มราคาปุ๋ยอาจลดลงหลังนำเข้าเพิ่ม เผย 12 อันดับนำเข้า 3 ปี ไร้ยูเครน-รัสเซีย 

4 ก.ย.2565 - นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า  ได้สั่งการให้นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  ตรวจเข้มคุณภาพปุ๋ยยูเรียนำเข้า(สูตร 46-0-0) เพื่อให้เกษตรกรของไทยได้ใช้ปุ๋ยคุณภาพที่ดี และคุณสมบัติถูกต้องตามที่สำแดง  และเป็นการป้องกันการปลอมปนของปุ๋ยด้อยคุณภาพ ทั้งนี้คาดว่าจากนี้ไปราคาปุ๋ยน่าจะมีโอกาสลดลง เนื่องจากปริมาณปุ๋ยยูเรียที่ภาคเอกชนขอนำเข้าเริ่มมีปริมาณเพิ่มขึ้น

โดยตั้งแต่มกราคม-กรกฎาคม 2565 มีการนำเข้าแล้ว 1.25 ล้านตัน จาก ปี 64 มีการนำเข้าทั้งปี 1.96 ล้านตัน ปี63 นำเข้า 2.1 ล้านตัน ปริมาณเกือบเท่ากับการนำเข้าในช่วงภาวะปกติก่อนที่จะเกิดสงครามระหว่างยูเครนและรัสเชีย ที่ถูกระบุว่าเป็นเหตุทำให้ปุ๋ยมีราคาแพงเพราะเป็นประเทศที่ส่งออกปุ๋ยรายสำคัญ

“ ทั้งนี้ปุ๋ยยูเรียที่นำเข้าย้อนหลังปี 63- ก.ค. 65 พบว่า 12 อันดับที่ไทยนำเข้านั้นไม่มีชื่อของประเทศยูเครนและรัสเซีย  โดยส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศซาอุดิอาระเบีย การตาร์และมาเลเซีย    3 ประเทศนี้ ไทยนำเข้ารวมกว่า 80%     ดังนั้นราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นอ้างเหตุจากสงครามน่าจะขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ซึ่งกำลังให้กรมวิชาการเกษตรไปช่วยดูว่าจะทำอย่างไรให้ปุ๋ยมีราคาลดลงเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ เพราะหากเกษตรอยู่ไม่ได้  ไม่มีเงินซื้อ ธุรกิจต่อเนื่องก็เดือดร้อนเช่นกัน จึงหวังว่าจะเกิดความร่วมมือช่วยเหลือกันทุกฝ่าย” 

สั่งคุมเข้มคุณภาพ'ปุ๋ยยูเรีย'นำเข้า
ขณะวันนี้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  พร้อมด้วย พลเรือโท วศิน บุญเนือง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ ผู้อำนวยการ กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช หัวหน้าด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง หัวหน้าด่านตรวจพืชลาดกระบัง และหัวหน้าด่านตรวจพืชท่าเรือกรุงเทพ พร้อมทั้ง ผู้แทนสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ได้ลงเรือตรวจติดตามการนำเข้าปุ๋ยยูเรีย 46-0-0  จากเรือใหญ่ และการขนถ่ายปุ๋ยยูเรีย รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ

 

อาทิ ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ในบริเวณทะเลรอบเกาะสีชัง และท่าเรือเอกชน เขตพื้นที่ชายฝั่ง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี  โดยเฉพาะมาตรการเฝ้าระวัง ติดตามและควบคุมการนำเข้าปุ๋ยเคมีในลักษณะการนำเข้าแบบเทกอง (Bulk) เพื่อป้องกันการนำเข้าปุ๋ยที่ไม่มีคุณภาพตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.  2518  เพื่อสร้างความมั่นใจถึงมาตรการในการควบคุมการนำเข้าปุ๋ยยูเรียจากต่างประเทศของกรมวิชาการเกษตร ที่จะมีมาตรการและแนวทางการปฏิบัติในการควบคุมการนำเข้าจากแหล่งผลิตต้นทางจากต่างประเทศ   และกำหนดให้เอกชนที่ขอนำเข้าต้องมีการขึ้นทะเบียนขอเป็นผู้นำเข้า มีการขึ้นทะเบียนผู้ผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าในประเทศรวมถึงการขอนำเข้า 

สั่งคุมเข้มคุณภาพ'ปุ๋ยยูเรีย'นำเข้า

“ ท่านรมช.มนัญญา ได้กำชับด้วยว่า  ให้ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการตรวจสอบเพื่อป้องกันการนำเข้าปุ๋ยด้อยคุณภาพมาขายในประเทศ     โดยกรมวิชาการเกษตรจะมีการตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยยูเรียเป็นรายชิปเมนต์ ทั่วประเทศ ก่อนจะมีการตรวจปล่อยออกสู่ตลาด  รวมถึงมีกระบวนการติดตามตรวจสอบ โดยอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้กำชับให้สารวัตรเกษตร และสารวัตรเกษตรอาสา ทั่วประเทศเฝ้าระวังไม่ให้มีปุ๋ยด้อยคุณภาพวางจำหน่ายในตลาด เนื่องจากปุ๋ยยูเรียมีความสำคัญในระบบการผลิตทางการเกษตร หากปุ๋ยด้อยคุณภาพก็จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนเกษตรกร” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว พร้อมนี้ ได้เน้นย้ำนโยบายการป้องกันการลักลอบสวมสิทธิ์สินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรไทย ด้วย

สั่งคุมเข้มคุณภาพ'ปุ๋ยยูเรีย'นำเข้า

อนึ่ง การนำเข้าปุ๋ยยูเรียของไทยนั้น  ปี  2563  มีการนำเข้า  2.1  ล้านตัน ปี 64 มีการนำเข้า 1.96  ล้านตัน และปี  65( ม.ค. – ก.ค.) มีการนำเข้าแล้วประมาณ 1.25 ล้านตัน     สำหรับในช่วงเดือนส.ค.มีการขอนำเข้าปุ๋ยยูเรีย46-0-0 ผ่านช่องทางทะเลบริเวณ เกาะสีชัง และได้แจ้งขออนุญาตนำเข้ากับกรมวิชาการเกษตร และผ่านพิธีการศุลกากร จำนวน  74,109.83 ตัน    โดยแหล่งผลิตปุ๋ยยูเรียที่สำคัญและประเทศไทยนำเข้าใน 3 ปีที่ผ่านมา อันดับ1-12 คือ 

 

  1. ซาอุดิอาระเบีย ปี63  นำเข้า 1.01 ล้านตัน ปี 64  นำเข้า8.2 แสนตัน ปี 65(ม.ค.- ก.ค.)  นำเข้า  5.9 แสนตัน  
  2. กาตาร์ ปี63 นำเข้า 5.4 แสนตัน  ปี64 นำเข้า3.2 แสนตัน  และครึ่งปี 65 นำเข้า 2.5 แสนตัน 
  3. มาเลเซีย ปี 63 นำเข้า3.2  แสนตัน ปี64 นำเข้า 3.2 แสนตัน และครึ่งปี 65 นำเข้า 2.1 แสนตัน  
  4. โอมาน
  5.  บาห์เรน 
  6. เวียดนาม 
  7. จีน 
  8. ญี่ปุ่น 
  9. สเปน 
  10. อินโดนีเซีย 
  11. อุซเบกิสถาน 
  12. บรูไน

สั่งคุมเข้มคุณภาพ'ปุ๋ยยูเรีย'นำเข้า