นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA เปิดเผยในงาน EEC : NEW Chapter NEW Economy ช่วงอีอีซีเดินหน้า..สร้างบทใหม่เศรษฐกิจไทย ว่า บทบาทของ UTA ในการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกนั้นจะต้องเลือกพื้นที่ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ ซึ่งบริษัทไม่ได้ก่อสร้างสนามบินเป็นครั้งแรกในโลก แต่สิ่งที่ท้าทายคือทำอย่างไรให้บริษัทเป็น 1 ในจิ๊กซอว์ที่สุดท้ายแล้วทุกจิ๊กซอว์ต้องไปด้วยกัน โดยบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือกันในการรับไม้ต่อจากบทบาทที่บริษัทได้รับมา ทั้งนี้การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ถือเป็นเพียงตัวต่อที่เป็นหน้าที่ในเชิงฟังก์ชั่น
ขณะเดียวกันถ้าพื้นที่อีอีซีไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมอนาคต สิ่งที่เป็นทุนไม่ใช่การใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่และท่าเรือน้ำลึกเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมากับผู้คนด้วย หากผู้คนมาแล้วรู้สึกสนใจที่จะทำงานและต้องการใช้ชีวิตนอกเวลาการทำงานนั่นคือจุดที่บริษัทร่วมดำเนินการ เพราะบริษัทจะดำเนินการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยบริษัทจะช่วยเติมเต็มทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตนอกเวลางานในพื้นที่อีอีซี ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ที่ทำงานเพียงอย่างเดียวหรือสร้างเทคโนโลยีได้ แต่จะมุ่งเน้นกำลังคน เพราะเมืองการบินภาคตะวันออกแต่ละประเทศมีโจทย์แตกต่างกัน เช่น เมืองการบินในประเทศจีนจะมุ่งเน้นอุตสาหกรรมการบิน
“เมืองการบินภาคตะวันออกของไทยเป็นการตีโจทย์เพื่อพื้นที่อีอีซีและพื้นที่ในประเทศ เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของไทยมีปริมาณประชากร รวมทั้งการอุปโภคและบริโภค โดยสิ่งที่เป็นทุนคือเรื่อง ผู้คน วัฒนธรรมและอาหารมีความพร้อมที่เป็นเมืองน่าอยู่โดยตัวของมันเอง อีกทั้งอีอีซีเป็นพื้นที่ที่มีการเตรียมความพร้อมในการทำงานและมีการเดินทางเชื่อมต่อที่สะดวก ซึ่งมีความจำเป็นต้องเชื่อมโยงพื้นที่อีอีซีกับกรุงเทพฯเข้าด้วยกัน ทำให้เราเป็นเมืองการบินที่ตอบโจทย์และเติมเต็มการใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง”