น้ำมัน WTI พุ่ง 5.1% ปิดทะลุ 102 ดอลล์ คาดเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1%

          
 
          
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 102.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.
         

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 5.11 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 106.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
         

สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.64% แตะที่ 107.3660 เมื่อคืนนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 1% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% ในการประชุมวันดังกล่าว
         

บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับปัจจัยบวกจากภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ไม่สามารถโน้มน้าวให้สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน หลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
         

ขณะที่ยุโรปเตรียมรับมือวิกฤตพลังงาน โดยตลาดกำลังจับตาว่ารัสเซียจะกลับมาส่งก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 หลังวันที่ 21 ก.ค.หรือไม่ หลังจากบริษัท Nord Stream AG ประกาศปิดท่อส่ง Nord Stream 1 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 ก.ค. โดย Nord Stream 1 เป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก

นายเคล้าส์ มูลเลอร์ ผู้อำนวยการ Bundesnetzagentur ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมพลังงานของเยอรมนี เชื่อว่ารัสเซียจะยังคงระงับการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Stream 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค.
         

ทั้งนี้ หากยุโรปเผชิญวิกฤตพลังงานจากการที่รัสเซียยกเลิกการส่งก๊าซธรรมชาติผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 รัฐบาลเยอรมนีก็จะประกาศยกระดับภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานสู่ระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ขณะที่ Bundesnetzagentu จะทำการปันส่วนการใช้ก๊าซภายในประเทศ