เปิดสาเหตุ "ราคายาง" ไม่พุ่งตามราคาน้ำมัน ผลพวงพิษเงินเฟ้อ-สงคราม

02 ก.ค. 2565 | 06:09 น.

เอกชนออกโรงชี้แจงสาเหตุราคายางไม่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในช่วงนี้ เพราะพิษเศรษฐกิจชะลอตัว เกิดภาวะสงคราม อัตราเงินเฟ้อสูง ทำให้ความต้องการใช้ยางไม่เพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำยางสดที่ลดลง เป็นแค่การปรับราคาให้สมดุลกับความเป็นจริง คาดจะเข้าสู่ภาวะปกติเร็วๆนี้

นายชูวิทย์  จึงธนสมบูรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทนอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด(มหาชน)  เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคายางพาราว่า  ขณะนี้ราคายางค่อนข้างทรงตัว แม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้น แต่ความต้องการใช้ยางไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ที่เป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19  และภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มากระทบซ้ำเดิมอีก จึงทำให้ปริมาณความต้องการใช้ยางลดลง ราคายางธรรมชาติจึงไม่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน 

 

อย่างไรก็ตามราคาในปัจจุบันถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์  ปริมาณความต้องการใช้ยางกับปริมาณยางที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณสมดุลใกล้เคียงกัน ราคายางจึงเคลื่อนไหลในช่วงแคบๆ  โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3  ซึ่งเป็นราคากลางมาตรฐานที่ใช้อิงในการกำหนดราคายางประเภทต่างๆ  ในปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับสูงกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม

“จริงๆแล้วราคายางแผนรมควันชั้น 3 ในปัจจุบัน น่าจะต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัมด้วยซ้ำ แต่ปริมาณยางจากประเทศอินโดนีเซียออกสู่ตลาดน้อยลง เนื่องจากการะบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ ทำให้สวนยางเสียหายไปกว่า 3 ล้านไร่ ผลผลิตของอินโดนีเซียลดลงประมาณ 10% ประกอบกับนโยบายลดปริมาณการปลูกยางของแต่ละประเทศ ทำให้พื้นที่ปลูกยางมีจำนวนจำกัด ปริมาณยางออกสู่ตลาดจึงไม่มากใกล้ดคียงกัยปริมาณความต้องการซื้อ ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 จึงปรับตัวไม่มาก ยังอยู่ในระดับมากกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม" นายชูวิทย์กล่าว  

 
 
ส่วนราคาน้ำยางสดที่ลดลงจากระดับ มากกว่า60 บาทต่อกิโลกรัม เหลือประมาณ 51 บาทต่อกิโลกรัมในขณะนี้นั้น เป็นการปรับตัวตามสภาวะความเป็นจริง  ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมาราคาน้ำยางสดที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 เนื่องจากการะบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงกระจายทั่วโลก ทำให้ความต้องการน้ำยางสดที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตถุงมือแพทย์เพิ่มขึ้นถึง 25% ช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางขายน้ำยางได้ราคา 

แต่ในปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มีความต้องการใช้น้ำยางสดลดลง ราคาจึงปรับตัวลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  ซึ่งโดยทั่วไปแล้วน้ำยางสดจะมีราคาถูกว่ายางแผ่นรมควันชั้น3 ประมาณ  8-10 บาทต่อกิโลกรัม

 
 
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ยางในอนาคตนั้น หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย  สงครามยุติลง อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่ภาวะปกติ  ภาคเอกชนเชื่อว่า  สถานการณ์ยางจะสดใสราคายางจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว  การบูรณประเทศของยูเครนจะต้องใช้ยางจำนวนมาก   เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพารามากที่สุดประมาณ 50% ของปริมาณยาง จะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด เพราะอั้นมาเป็นระยะเวลายางนาน 


ดังนัั้นความต้องการใช้ยางจะพุ่งอย่างแน่นอน ในขณะที่ปริมาณยางมีจำนวนจำกัด  จะเห็นได้จากขณะนี้หลายบริษัทกล้าที่จะลงทุนเพิ่ม

 
 
ด้านนายชัยสิทธิ์  สัมฤทธิวณิชชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า  ราคาน้ำยางสดที่ผันผวนในขณะนี้ เป็นสถานการณ์เฉพาะช่วงเวลาเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย 


การใช้ถุงมือยางซึ่งให้น้ำยางสดเป็นวัตถุดิบลดลง ราคาจึงปรับตัวลดลง แต่น่าจะเป็นระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น  เพราะราคายางแห้ง ไม่ว่าจะเป็นยางแผ่น ยางแท่ง ราคายังปกติไม่ผันผวน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับยางสังเคราะห์ หรือราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด  

 
 
อย่างไรก็ตามถ้าหากราคาน้ำยางสด มีราคาลดลงมาก เกษตรกรก็จะปรับตัวไม่ขายน้ำยาง หันไปแปรรูปขายเป็นยางแผ่น  ยางแท่ง แทนซึ่งได้ราคาดีกว่า  

 

ดังนั้นสถานการณ์ราคาน้ำยางสดที่เกิดขึ้นอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ภาวะปกติด้วยกลไกทางการตลาด และขึ้น-ลงไม่ผันผวนเช่นเดียวกับยางประเภทอื่นๆอย่างแน่นอน

 
 ส่วนสถานการณ์ยางในอนาคตนั้น ภาคเอกชนมั่นใจว่าราคาจะมีเสถียรภาพราคาบวก-ลบไม่เกิน 15%  เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ยางยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปริมาณยางที่ออกสู่ตลาดที่สมดุลกับความต้องการใช้   ยิ่งถ้าหากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยุติความต้องการใช้ยางจะเพิ่มสูงขึ้น  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์  ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น  


ดังนั้น เกษตรกรชาวสวนยางมั่นใจได้ว่า อาชีพการทำสวนยางนั้นยังมีความมั่นคง   ราคายางมีแนวโน้มสดใสอย่างแน่นอน