จากกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2563 เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี ที่มีฐานะยากจน รายละ 3,000 บาททำให้ประชาชนจำนวนมากเข้าใจว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุทุกรายนั้น
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การขอรับเงินสงเคราะห์ค่าทำศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะต้องเข้าหลักเกณฑ์ดังนี้
1.ผู้เสียชีวิตอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2.สัญชาติไทย
3.ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
4.ผู้สูงอายุซึ่งอยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์
ขั้นตอนการยื่นคำขอ
ผู้ยื่นคำขอ (ครอบครัวผู้เสียชีวิต ญาติผู้รับผิดชอบจัดการศพ) จะต้องยื่นคำขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตร พร้อมกับเอกสารสำคัญ
กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานเขต ส่วนจังหวัดอื่นๆ ให้ยื่นคำขอในท้องที่ เช่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องการสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ขอย้ำว่า การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มีฐานะยากจนตามคุณสมบัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว