"NEPS" ขยายฐานลูกค้า "โซลาร์รูฟท็อป" สู่กลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์

16 มิ.ย. 2565 | 05:35 น.

"NEPS" ขยายฐานลูกค้า "โซลาร์รูฟท็อป" สู่กลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์ ทั้งไซเบอร์พริ้นท์กรุ๊ป และรุ่งศิลป์ รวมกว่า 800 กิโลวัตต์

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี้ พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการขยายฐานลูกค้าในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop)ไปสู่ธุรกิจโรงพิมพ์ให้กับ ไซเบอร์พริ้นท์กรุ๊ป ที่สำนักงานใหญ่ตรงถนนรัชดาภิเษก ขนาดติดตั้ง 101.37 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 4 ล้านบาท 

 

รวมถึงให้บริการเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมด โดยทำการติดตั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สามารถช่วยลดค่าไฟได้กว่า 90,000 บาท/เดือน อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปแล้ว 9,730 กิโลกรัม เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 290 ต้น 

 

ทั้งนี้  ยังติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับ รุ่งศิลป์การพิมพ์ ที่โรงงานที่จังหวัดนครปฐม บนพื้นที่ 3,200 ตารางเมตร มีกำลังผลิตไฟฟ้ากว่า 700 กิโลวัตต์ มูลค่าการลงทุนกว่า 18 ล้านบาท โดยหลังจากทำการติดตั้งแล้วจะสามารถคืนทุนให้กับทางโรงพิมพ์ได้ภายใน 5 ปี 

สำหรับธุรกิจโรงพิมพ์นั้น เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการใช้ปริมาณไฟฟ้าจำนวนมาก โดยเฉลี่ยมีค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 200,000 – 1,000,000 กว่าบาทต่อเดือน

 

โดยขึ้นอยู่กับขนาดของโรงพิมพ์ ส่งผลให้หลายบริษัทให้ความสนใจในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะสามารถช่วยลดต้นทุนและประหยัดค่าไฟในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

 

นายตรีรัตน์ กล่าวต่อไปอีกว่า NEPS มีจุดเด่นในการ One Stop Solutions ตั้งแต่การออกแบบ การขอใบอนุญาต การติดตั้ง การดูแลบำรุงรักษาฟรี 2 ปี และส่งรายงานแสดงผลการใช้งานประจำปี  ให้อีก 25 ปี พร้อมบริการที่เหนือระดับกับแอปพลิเคชันจากอินเวอร์เตอร์ SolarEdge ที่สามารถดูการใช้ไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์ 

 

"NEPS" ขยายฐานลูกค้า "โซลาร์รูฟท็อป" สู่กลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์

 

และแสดงผลด้านต่างๆ เช่น ค่าไฟฟ้าที่ลดลง ตัวเลขเปรียบเทียบค่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และจำนวนเทียบเท่าของการปลูกต้นไม้ เป็นต้น ซึ่งโรงพิมพ์สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตได้ในอนาคต 
 

ขณะที่ทิศทางการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปของโรงพิมพ์ในไทยว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เห็นได้จาก NEPS ที่ได้รับการติดต่ออย่างต่อเนื่องจากลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้ ผนวกกับเศรษฐกิจไทยที่เริ่มกระเตื้องกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้การใช้ชีวิตของประชาชนและการดำเนินงานของภาคธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ 

 

ส่งผลให้หลายธุรกิจเริ่มฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์เช่นกัน โดยดีมานด์ของสื่อสิ่งพิมพ์เริ่มกลับมา ทั้งจากการเติบโตของสื่อโฆษณา การขยายตัวของธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่และอีคอมเมิร์ซ  ที่มีอัตราการใช้บรรจุภัณฑ์ (Packaging) พุ่งสูงขึ้น 

 

"NEPS" ขยายฐานลูกค้า "โซลาร์รูฟท็อป" สู่กลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์

 

นายตรีรัตน์ กล่าวอีกว่า ธุรกิจโรงพิมพ์มีค่าใช้จ่ายหลักคือค่าไฟ ซึ่งการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะช่วยโรงพิมพ์ประหยัดค่าไฟได้ถึง 60-70% โดยเล็งเห็นว่าภาครัฐควรสนับสนุนให้โรงพิมพ์ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ด้วยการออกนโยบายต่างๆ อาทิ การลดหย่อนภาษีหรือทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ก็จะช่วยโรงพิมพ์ขนาดเล็กได้อีกทางหนึ่ง เพราะไทยถือว่าเป็นฮับการพิมพ์ของโลก ด้วยความต้องการจากทั้งจากในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการโรงพิมพ์ของไทยเป็นจำนวนมาก 

 

ซึ่งหากโรงพิมพ์ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐก็จะช่วยลดค่าไฟและประหยัดต้นทุนได้ ส่งผลให้ธุรกิจโรงพิมพ์ขับเคลื่อนได้เร็วกว่าเดิมและสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในแง่ของโรงพิมพ์ที่ใช้พลังงานสะอาด เป็นการตอบโจทย์เทรนด์โลกที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมอีกด้วย