นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2565 โดยกลุ่มตัวอย่าง 2,244 คน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 40.2 เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตอย่างมาก เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
ตลอดจนยังคงกังวลในวิกฤต COVID-19 ในประเทศไทยและทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะคลายตัวลงก็ตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เช่น ศูนย์บริหารสถานการณ์โควดิ -19 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายมาตาการในการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ สำหรับคนไทยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศ
ส่วนชาวต่างชาติยังต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass รวมทั้งผ่อนคลายให้เปิด สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือ สถานอื่นที่มีลักษณะคลายกัน สามารถกลับมาเปิดบริการได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) แต่ต้องเข้มงวดตามมาตรการสาธารณสุข เริ่มวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นผลเชิงบวกต่อการท่องเที่ยวและภาคบริการต่างๆของไทย การฉีดวัคซีนทั่วโลกทำให้สถานการณ์โควิดปรับตัวดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลง การส่งออกของไทยขยายตัว ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูง
ส่วนปัจจัยลบ เช่น ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล หลังจากที่รัฐบาลตรึงราคาไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร โดยเดือนมิถุนายน 2565 ราคาขึ้นมา 3 บาทต่อลิตร ราคาสินค้าสูงขึ้น เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคยังกังวลปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง ความกังวลปัญหารัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ต้นทุนการผลิต โควิด-19 ค่าเงินบาท เป็นต้น