"ปตท." กำไรไตรมาสแรกกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

12 พ.ค. 2565 | 11:53 น.

"ปตท." กำไรไตรมาสแรกกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ชี้ 30% จากการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและ 70% จากผลตอบแทนการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม ปตท.

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อยไตรมาส 1 ประจำปี 2565 มีกำไรสุทธิจำนวน 25,571 ล้านบาท ลดลง 7,017 ล้านบาท หรือ 21.5% จากไตรมาส 1 ปี 2564 ที่จำนวน 32,588 ล้านบาท และลดลง 1,973 ล้านบาท หรือ 7.2%  จากไตรมาส 4 ปี 2564 ที่จำนวน 27,544 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ เนื่องจากในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นมาก โดยหลักจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ ที่ราคาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนที่หลายประเทศมีการประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น 

 

รวมถึงมีภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้จากการขาย และกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จะเพิ่มขึ้น ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลก รวมถึงปริมาณขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19)

อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิเป็นผลการดำเนินงานรวมจากบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศ  โดยสัดส่วนกำไร 30% มาจากการดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. และ 70% มาจากผลตอบแทนการลงทุนในบริษัทในกลุ่ม ปตท.

 

ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน  เป็นเหตุให้อุปทานพลังงานลดลง ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงตลอดจนค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้แต่ละประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงด้าน พลังงาน โดยเฉพาะประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานเป็นหลัก

 

กลุ่ม ปตท. กำไรหด 7.01 พันล.

 

ปตท. ยังคงยึดมั่นดำเนินธุรกิจให้บรรลุพันธกิจดูแลความมั่นคงทางพลังงานของชาติ และได้ดำเนินมาตรการบริหารจัดการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรองรับความต้องการใช้ในประเทศอย่างเต็มความสามารถ ประกอบด้วย การจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง ประสานงานโรงกลั่นในกลุ่ม ปตท. จัดเก็บน้ำมันคงคลังในระดับสูงสุด  

ควบคู่ไปกับการร่วมดูแลสาธารณสุขและสังคม รวมถึงสนับสนุนด้านพลังงาน เพื่อแบ่งเบาภาระของภาครัฐและประเทศในระหว่างที่ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) อย่างต่อเนื่อง  
          

นายอรรถพล กล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาโครงการ  ลมหายใจเดียวกัน  กลุ่ม ปตท. ได้มีส่วนร่วมดูแลด้านสาธารณสุขและการสนับสนุนด้านพลังงาน รวมงบประมาณ 3,793 ล้านบาท โดย ปัจจุบัน ปตท. คงสถานะหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรที่ EnTer 

 

ตั้งแต่เปิดให้บริการเดือนสิงหาคม 2564  มีผู้มารับบริการแล้วมากกว่า 125,500 ราย มีผู้ป่วยที่รับเข้าระบบรักษา รวมแล้วมากกว่า 12,000 ราย  ช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ตรึงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม 

 

กลุ่ม ปตท. กำไรหด 7.01 พันล.

 

และราคาขายปลีก NGV ในโครงการ เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ  และปริมณฑล ที่  13.62 บาท/กิโลกรัม ถึงกลางเดือนมิถุนายน 2565  เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลัง  ร่วมขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ  ให้คนไทยฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน

 

นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดตั้ง โครงการลมหายใจเพื่อน้อง เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากรายได้ภาคครัวเรือนที่ลดลง และมีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาในช่วงชั้นรอยต่อปีการศึกษา 2565 โดย ปตท. ตั้งเป้าหมายมอบทุนการศึกษากว่า 150 ล้านบาท ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ  กสศ. เพื่อช่วยเหลือเยาวชนกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ 

 

และยังมีกิจกรรมให้คนไทยร่วมกิจกรรม PTT Virtual Run  เพื่อสะสมระยะทาง ทุกการเดินหรือวิ่ง 10 กิโลเมตร จะมีมูลค่า 2,500 บาท ช่วยเยาวชนเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ 1 คน