ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อนุสรณ์แนะ ธปท. ขึ้นดอกเบี้ยชะลอเงินเฟ้อ

17 ม.ค. 2565 | 06:00 น.

ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อนุสรณ์แนะ ธปท. ขึ้นดอกเบี้ยชะลอเงินเฟ้อ ชี้ประชาชนรายได้ชะลอตัว หนี้สินท่วม ค่าครองชีพสูงขึ้น และว่างงาน

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า สัญญาณของการเกิดภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจถดถอย) เริ่มชัดเจนขึ้น มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญภาวะ Stagflation คือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เติบโตต่ำและเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมาก 

 

 

สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เผชิญอยู่เวลานี้คือ

 

 

 

  • รายได้ชะลอตัว
  • หนี้สินท่วม
  • ค่าครองชีพสูงขึ้น
  • ว่างงานหรือทำงานต่ำระดับ

 

 

 

ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ ธปท. ต้องเร่งดำเนินการนโยบายเข้มงวดทางการเงินเพิ่มขึ้นหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเพราะช่องว่างการผลิต (Output Gap) ของเศรษฐกิจไทยยังติดลบค่อนข้างมาก มีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่จำนวนมาก 

 

 

 

การใช้นโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายมีความจำเป็นต่อการประคับประคองการฟื้นตัวของการจ้างงานและการกระเตื้องขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 

 

อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปัญหาทางด้านอุปทานเป็นหลัก คือ ราคาพลังงานสูงขึ้น บาทอ่อนค่า และราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นจากภัยแล้งในพื้นที่เกษตร 

ขณะที่ก่อนหน้านี้เกิดน้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ได้รับความเสียหาย สะท้อนความไม่สามารถในการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบและไม่มีลงทุนระบบชลประทานอย่างจริงจัง

 

 

ล่าสุด เกิดโรคระบาดในหมูทำให้ซ้ำเติมสถานการณ์ ทำให้เนื้อหมูในตลาดลดลง ราคาแพงขึ้น แต่สิ่งนี้อาจเป็นโอกาสของสินค้าประเภท เนื้อที่ทำมาจากพืช (Plant-based Meat) หรือ อาหารที่ทำมาจากพืช (Plant-based Food) และเนื้อสัตว์ที่สามารถทดแทนกันได้

 

 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า  เนื้อหรืออาหารที่ทำมาจากพืชนี้กำลังมาแรง และ น่าจะเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมใหญ่ในอนาคต เป็นอาหารส่งเสริมสุขภาพ ลดการฆ่าสัตว์และสิ่งมีชีวิตชีวิตอื่นๆ ทำให้ระดับคุณธรรมสูงขึ้น

 

 

อนุสรณ์ ธรรมใจ

 

 

ตอนนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคอาหารมากมาย ก่อนหน้ามีเทรนด์ของคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ทานมังสวิรัติ หรือเป็นกลุ่ม Vegan ที่ต่อต้านการละเมิดชีวิตสัตว์ทุกประเภท 

 

 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่า Plant-based Food จะไม่ใช่แค่ ตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Market เป็น แนวโน้มใหญ่ Mega Trend ของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต จะเข้ามา Disrupt และปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมเลี้ยงปศุสัตว์และธุรกิจอาหารทั้งระบบอย่างแน่นอน

 

 

แม้ว่าขณะนี้ เนื้อหรืออาหารที่ทำมาจากพืชจะมีราคาแพงอยู่ เมื่อผู้ผลิตปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค ราคาจะค่อยๆลดลงในอนาคต
 

ทั้งนี้ ราคาสินค้าอุตสาหกรรมบางส่วนปรับตัวสูงขึ้นจากการขาดแคลนวัตถุดิบ การชะงักงันระบบจัดส่งและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นยังดำรงอยู่ ปัญหาบางส่วนเกิดจากการหยุดดำเนินการผลิตของโรงงาน เกิดการการชงักงันของระบบจัดส่งโลจีสติกส์ จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดก่อนหน้านี้

 

 

อย่างไรก็ตาม ภาวะ Stagflation ของเศรษฐกิจไทยอาจเกิดขึ้นเมื่ออัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นหลังเดือนมีนาคม ไทยอาจเผชิญภัยแล้งรุนแรงทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย และในบางพื้นที่ไม่มีการทำเกษตรเนื่องจากขาดน้ำ ราคาอาหารซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณเงินเฟ้อจะพุ่งสูง 

 

 

หากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวชัดเจนในช่วงไตรมาสสอง ไทยจะเกิด Stagflation แน่นอน ฉะนั้นต้องคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดโอมิครอนให้ได้ เพื่อไม่ให้มีการ Lockdown (ล็อกดาวน์) และ สามารถกลับมาเปิดประเทศได้เต็มที่ ภาคการท่องเที่ยวจะได้กระเตื้องขึ้น

 

 

ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณของ Excess Demand ใดๆ ในเศรษฐกิจภาคการผลิต อุปสงค์มวลรวมยังกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นผลจากมาตรการทางการคลังกระตุ้นการบริโภคการใช้จ่าย ไม่ได้เกิดจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือนภาคธุรกิจมากนัก ภาวะฟองสบู่เกิดขึ้นในตลาดการเงินโดยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ขอเตือนให้ระมัดระวังฟองสบู่และส่งผลลบต่อภาคการลงทุนและภาคการเงินได้ 

 

 

ภาวะ Excess Supply ยังคงมีอยู่ในสินค้าส่วนใหญ่ ยกเว้นสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรบางตัวนั้นเกิดสถานการณ์ตรงกันข้าม คือ เกิด Supply Shocks เนื่องจากเกิดโรคระบาดหมูทำให้ เนื้อหมูราคาแพง พืชผักผลไม้แพงเนื่องจากหลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ที่ผ่านมารัฐบาลก็ลงทุนปรับปรุงระบบชลประทานน้อยมาก ราคาอาหารแพงแบบนี้จึงไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ผลิตแต่อย่างใด

 

 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่ออีกว่า การใช้มาตรการสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด หรือ เอาเงินงบประมาณไปซื้อเนื้อหมูหรือพืชผลเกษตรแล้วเอาขายต่อให้ประชาชน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาหน้า ช่วยบรรเทาปัญหาได้เล็กน้อยมากๆ และยังจะเกิดช่องทางของการทุจริตรั่วไหลจากการใช้งบประมาณ หรือ เอื้อประโยชน์ให้คนในเครือข่ายของตัวเอง จึงไม่ใช่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งเป็นช่องทางในการหาประโยชน์จากนโยบายได้ 

 

 

วิธีการแก้ปัญหา คือ ควบคุมโรคระบาดให้ได้ และ เพิ่มปริมาณเนื้อหมูเข้าสู่ตลาด หรือ ส่งเสริมสินค้าอื่นๆที่ใช้ทดแทนเนื้อหมูได้ เช่น Plant-based Food ขณะที่ Plant-based Food Plant สามารถสร้างโอกาสมากมายทั้งทางธุรกิจ

 

 

และเรื่องของสุขภาพ ช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมของโลกอีกด้วย นอกจากจะทำให้สุขภาพและสิ่งแวดล้อมดีขึ้นแล้ว ในแง่ธุรกิจยังสามารถขายผู้ป่วยได้ หรือคนที่ต้องการ