เงื่อนไข สินเชื่อธ.ก.ส. ปลูกกัญชา กัญชง กระท่อม ธุรกิจชุมชนสร้างไทย

10 พ.ย. 2564 | 20:00 น.

ตรวจสอบข้อมูล สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ธ.ก.ส.  สำหรับการสนับสนุนการปลูกพืชกัญชา พืชกัญชงและพืชกระท่อม เช็คเงื่อนไขและอัพเดทได้ที่นี่

จากกรณีที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ดำเนินการปล่อยสินเชื่อปลูกพืชกัญชา ไปก่อนหน้านี้นั้น 

และต่อเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ธ.ก.ส.เปิดเผยว่า มีแผนในการปล่อยสินเชื่อสำหรับเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชกัญชง และพืชกระท่อม โดยไม่ได้จำกัดวงเงินด้วยนั้น

ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลจาก ธ.ก.ส. พบว่า เงื่อนไขการขอสินเชื่อพืชกัญชา จะถูกนำไปใช้เป็นเงื่อนไขในการขอสินเชื่อกัญชง และกระท่อม ด้วยเช่นกันคือ 

  1. ต้องเกษตรกรที่จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม และสหกรณ์การเกษตร  
  2. มีหลักฐานหรือเอกสาร บันทึกความร่วมมือการผลิต กัญชง กัญชา และ กระท่อม ส่งให้สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานด้านสาธารณสุข เพื่อศึกษาด้านการแพทย์ 
  3. ต้องมีใบอนุญาตในการผลิตจากองค์กรอาหารและยา (อย.)

ต่อมา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 ว่า รัฐบาลผลักดันโครงการเงินทุนสนับสนุนการเพาะปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ ผ่านสินเชื่อ ธ.ก.ส ที่ชื่อว่า “สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย” โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

  • กรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท 
  • มีอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก 0.01% ต่อปี 

สำหรับเงื่อนไขในการขอสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยเบื้องต้น คือ 

  1. ต้องเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 
  2. มีการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือและกำกับดูแลระหว่างผู้ขอกู้กับหน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษา ที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือให้บริการทางการแพทย์  
  3. ต้องได้รับใบอนุญาตให้ผลิตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ล่าสุด(ณ วันที่ 9พ.ย.64) ธ.ก.ส. ได้อนุมัติสินเชื่อวิสาหกิจชุมชนไปแล้วกว่า 10 ราย จาก 157 ราย

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการเกษตรไทย โดยเฉพาะค้นหาพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ ตามนโยบายส่งเสริมเกษตร BCG  

ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีนโยบายเร่งด่วนผลักดันให้กัญชาและกัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร จนนำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายและออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 โดยปัจจุบันพืช 3 ก. คือ กัญชง กัญชา กระท่อม ถือเป็นพืชที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถยกระดับกลายเป็นอาชีพทางเลือก”

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเสริมทักษะให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก กระบวนการผลิตที่ต้องอาศัยความรู้ ความรอบคอบ รวมทั้งความพร้อมของเกษตรกรด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมภาคการผลิตรองรับความต้องการในอนาคต โดยสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (Thai Industrial Hemp Trade Association: TIHTA) ยังมีการประเมินตลาดกัญชง กัญชา และกระท่อมจะมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นตลาดแห่งอนาคตสำหรับเกษตรกรและอุตสาหกรรมการแพทย์และสมุนไพรของไทยด้วย