"ศรีสะเกษ"พบผู้ป่วยอาจติดเชื้อโคโรนา1ราย

26 ม.ค. 2563 | 03:57 น.

ศรีสะเกษ พบผู้ต้องสงสัยอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนา 1 ราย รีบส่งตัวเข้ากักกัน ที่ รพ.ศรีสะเกษ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดขยายวงกว้าง

 

26 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ขณะแพทย์พยาบาลได้รับตัวผู้ป่วย 1 รายที่สงสัยว่า อาจจะติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู่ฮั่น ภายหลังจากโรงพยาบาลเครือข่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับตัวผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ พยาบาล ด้วยอาการที่แจ้งว่า อาจะเป็นไข้หวัดเมื่อทีมแพทย์พยาบาลได้ทำการสักประวัติทราบถึงอาการของผู้ป่วยเข้าข่ายอาจมีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู่ฮั่น คือ ผู้ป่วยมีอาการหอบ เหนื่อย มีน้ำมูก มีไข้สูงๆ ต่ำๆ และมีประวัติการเดินทางกลับมาจากประเทศจีน มณฑลกวางสี เมืองกุ๋ยหลิน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563

โดยกลับมาอาศัยอยู่บ้านเกิดตนเอง จังหวัดยะลา ก่อนที่จะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่บ้านสีฐาน ตำบลบัวน้อย อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และอยู่ๆ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 ก็มีอาการป่วยจึงได้มาพบแพทย์ ที่ รพ.กันทรารมย์ ในเวลา 19.00 น. ภายหลังจากแพทย์ พยาบาล ตรวจซักประวัติ จึงได้มีการประสาน รพ.ศรีสะเกษ ได้เปิดห้องกักกันโรคพิเศษ ก่อนส่งตัวเข้ามากักกันเฝ้าระวังในเวลา  20.00 น. เมื่อคืนนี้ (25 มกราคม 2563)

นายแพทย์ อดุลย์ โบจรัส ผอ.โรงพยาบาลกันทรารมย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมแพทย์ พยาบาล ว่า พบผู้ต้องสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู่ฮั่น ได้มีการประชุมซักซ้อมกับทีมงานในการคัดกรองเฝ้าระวังผู้ป่วยที่เข้ามารักษาโรคหากพบอาการที่ต้องสงสัย และมีประวัติจากการเดินทางมาจากประเทศจีน โดยเฉพาะเมืองที่มีเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู่ฮั่น ระบาดอยู่ ให้มีการแจ้งตนทันที

และเมื่อคืนนี้ก็พบว่า มีน้องศึกษาอายุ 21 ปี ที่เดินทางมาจากประเทศจีน มณฑลกวางสี เมืองกุ๋ยหลิน เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 มกมราคม 2563 ที่บ้านเกิดตนเองในจังหวัดยะลา ก่อนที่จะเดินทางมาเยี่ยมญาติที่อำเภอกันทรารมย์ ในวันที่ 23 มกราคม 2563 และเกิดป่วยกระทันหัน ในวันที่ 25 มกราคม 2563 เมื่อซักประวัติแล้วพบเป็นผู้ต้องสงสัย จึงได้ประสานกับผู้อำนวยการ รพ.ศรีสะเกษ ได้เปิดห้องพิเศษกักกันโรคก่อนส่งตัวเข้าไปทันที

ซึ่งในการกักกันเฝ้าระวังโรคที่จะทราบแน่ชัดว่า มีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น ต้องรออยู่อาการอย่างน้อย 3 ถึง 16 วัน  จึงจะทราบคำตอบแน่ชัดว่า มีการติดเชื้อจริงหรือไม่ ส่วนรายละเอียดอื่นถึงความชัดเจนในการติดเชื้อหรือไม่ ต้องรอทางโรงพยาบาลใหญ่แถลงอีกครั้ง