นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอส เดินหน้าจัดทัพองค์กร ทุ่มสรรพกำลัง ทั้งเครือข่าย เทคโนโลยีสำคัญใหม่ล่าสุดอย่าง 5G และ พลังของ “คน” เอไอเอส ร่วมพาคนไทยฝ่าวิกฤติไวรัส COVID-19 ประกาศนำเทคโนโลยี 5G สนับสนุนบริการทางการแพทย์ และงานสาธารณสุข ด้วยศักยภาพของ 5G ที่มีพลานุภาพสูงมากทั้งในแง่ของอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีความเร็ว / การตอบสนองต่อการสั่งงานที่รวดเร็ว มีความหน่วงต่ำ / พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ที่หลากหลาย จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะนำมาประยุกต์ใช้เป็นโครงข่ายดิจิทัลพื้นฐานสำคัญต่อการปฏิบัติงานทางการแพทย์
สำหรับภารกิจ “AIS 5G สู้ภัย COVID-19” เพื่อคนไทย โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท
ติดตั้งเครือข่าย 5G ใน 20 ร.พ. ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 และกำลังขยาย Coverage 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ ร.พ. ในกทม.และปริมาณอีก 150 ร.พ. และในต่างจังหวัดอีก 8 ร.พ. รวมทั้งสิ้น 178 ร.พ. ภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเทคโนโลยีและโซลูชันส์ทางการแพทย์ ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างยิ่ง 5G จึงเป็นโครงข่ายที่เหมาะสม เพราะทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต
นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนระบบสื่อสาร ทั้ง AIS FIBRE, 4G, AIS Super WiFi และสมาร์ทดีไวซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของโรงพยาบาล
ผลักดันนวัตกรรมการแพทย์ในช่วงการระบาด COVID-19 ตั้งศูนย์เฉพาะกิจ AIS Robotic Lab ระดมนักวิจัยนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine และโซลูชันส์งานบริการทางแพทย์ โดยทำงานร่วมกับ ร.พ. เพื่อให้สอดรับกับความต้องการเฉพาะของแต่ละร.พ. พร้อมเปิดกว้างในการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับคนไทยทุกภาคส่วน
พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine เวอร์ชันใหม่ ROBOT FOR CARE จำนวน 21 ตัว โดย AIS Robotic Lab ทยอยส่งมอบให้กับร.พ. 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 เพื่อให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหมอพยาบาล ตรวจคัดกรองคนไข้ ด้วยระบบอัจฉริยะ Thermoscan, ระบบปรึกษาทางไกลระหว่างคนไข้และหมอผ่าน VDO CALL โดยที่หมอกับคนไข้ไม่ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน หรือสัมผัสใกล้กัน โดยสามารถบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ผ่าน 5G ช่วยแบ่งเบาภาระ ลดการแออัด และลดเสี่ยงติดเชื้อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์