วันที่ 7 มิ.ย. 2546 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงกรณีผู้ประกันตน มาตรา 33 บางคนได้รับข้อความหรือ SMS ให้มารับการฉีดวัคซีนโควิด แต่บางคนไม่ได้ข้อความ ว่า ให้ยึดหลักจากฝ่ายบุคคลของบริษัท หรือ HR เพราะเป็นผู้แจ้ง มาที่ประกันสังคม แต่ที่มีการส่ง sms เพื่อตอกย้ำอีกครั้ง ส่วนบางคนที่ไม่ได้ sms เบอร์อาจจะผิด ดังนั้น ให้เช็คกับฝ่ายบุคคลเป็นหลัก แต่ถ้าไม่มีชื่อจริงๆก็ให้ถามประกันสังคม
สำหรับจำนวนวัคซีนที่จะฉีดให้ผู้ประกันตนนั้น ยึดหลักใครลงคือมาก่อน ใน กทม. มีกว่า 3.7 ล้านคน หักผู้สูงอายุกับ 7 โรคเสี่ยงออกไป ไปอยู่ในส่วนของหมอพร้อมชุดแรก เกือบ 2 แสนคน ก็เหลือ 3.5 ล้านคน มีความต้องการวัคซีน มา 2.3 ล้านคน เราได้มา 1 ล้านโดส ก็ต้องเรียงตามลำดับการลงคิว 1 ล้านคนแรก เมื่อหมดแล้วก็รอวัคซีนล็อตต่อไป ซึ่งได้ทำเรื่องขอเพิ่มไปแล้ว ซึ่งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดที่เป็นนิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี อยุธยา สมุทรปราการ นครปฐม และ EEC ตนขอไป 4 ล้านโดส
ทั้งนี้ ถ้าฉีดไปแล้ว 1 ล้านโดส ขอเพิ่มอีก 4 ล้านโดส รวมเป็น 5 ล้านโดส หรือ 5 ล้านคน ก็นับเป็นครึ่งหนึ่งของผู้ประกันตนแล้ว เฉพาะ กทม. และ จังหวัดที่เอ่ยไป ก็ครึ่งหนึ่งของผู้ประกันตนทั้งประเทศ ส่วนพื้นที่จังหวัดอื่นเหลือไม่มาก โดยขอเน้นพื้นที่อุตสาหกรรมกับพื้นที่สีแดงเป็นหลัก พร้อมกันนี้เชื่อว่าการรับวัคซีน จะไม่ซ้ำซ้อน ถ้าได้คิวฉีดของผู้ประกันตนเเล้ว ชื่อใน กทม. จะคัดออก เพราะฐานข้อมูลไปรวมกันอยู่แล้ว