ศาลสั่งจำคุกจริง 5 พ่อค้าแม่ค้าขายหน้ากากอนามัยแพงเกิน

19 มี.ค. 2563 | 12:00 น.

ศาลอาญาพิพากษาคุก 6 เดือน- 1 ปี 6 เดือน 5 พ่อค้าแม่ค้า มีหน้ากาก 125-4,000 ชิ้นขายเกินราคา ชี้พฤติการณ์ฉกฉวยเอาเปรียบ ไม่รอลงอาญา ส่วน 2 คนมีร้อยกว่าชิ้นไม่เคยติดคดีอาญามาก่อน ให้รอลงอาญา ปรับ 2.5 หมื่นบาท  

 


(19 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ณัปอิศรา ขอสุข , นายพงษ์พันธ์ โสมสุด , น.ส.น้ำฝน เอยศิริ , น.ส.อุมาพร มั่นคง , น.ส.นิศรา มหาเรือนขวัญ , นางทัศพร ฉันทนาภิธาน และ น.ส.ตาว ตรีเทวี เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29, 40 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภายหลังที่พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. สรุปสำนวนที่ทั้ง 7 คนให้การรับสารภาพ พร้อมตัวส่งให้อัยการเมื่อเวลา 13.00 น. ซึ่งทั้ง 7 คน ทำบันทึกยินยอมมอบของกลางเพื่อแจกจ่ายให้โรงพยาบาลต่างๆ ที่จะเป็นสาธารณะประโยชน์ด้วย 

โดยอัยการได้แยกฟ้องจำเลยแต่ละคน เป็นคนละสำนวน รวม 7 สำนวน ขณะที่ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว ให้การรับสารภาพทั้งหมด ซึ่ง น.ส.อุมาพร ที่ถูกกล่าวหามีหน้ากากอนามัยสีเขียวไว้ในครอบครองและจำหน่ายเกินราคา จำนวน 4,000 ชิ้น ศาลพิพากษาให้จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน 

น.ส.ตาว มีหน้ากากอนามัย จำนวน 750 ชิ้น พิพากษาจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 

น.ส.น้ำฝน มีหน้ากากอนามัย จำนวน 125 ชิ้น กับนายพงษ์พันธ์ มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น และ น.ส.ณัปอิศรา มีหน้ากากอนามัย จำนวน 150 ชิ้น พิพากษาจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้คนละ 6 เดือน 

 

 

 

อย่างไรก็ดี ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้ง 5 คนมีการกระทำอันเป็นการฉกฉวยโอกาสที่โรคไวรัสโควิด-19 อุบัติร้ายแรงแพร่ระบาดไปทั่วโลก บุคลากรทางแพทย์และประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จำเลยทั้งห้ากลับจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่ให้รอการลงโทษ (ไม่รอลงอาญา) 

ส่วน นางทัศพร ที่มีหน้ากากอนามัย จำนวน 50 ชิ้น และ น.ส.นิศรา มีหน้ากากอนามัย จำนวน 8 ชิ้น พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ 50,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 25,000 บาท โดยพิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้ง 2 คนแล้วมีของกลางปริมาณน้อย และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษ (รอลงอาญา) ไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี 



 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีคำพิพากษาแล้ว ในส่วนของจำเลย 5 คนที่ให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป เนื่องจากวันนี้จำเลย 5 คนดังกล่าวยังไม่ได้ยื่นคำขอและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว