“ชัยวัฒน์”มอบตัวกับ DSI สู้คดี“บิลลี่”

12 พ.ย. 2562 | 05:06 น.

“ชัยวัฒน์” มอบตัวกับ DSI สู้คดี“บิลลี่”ยันพร้อมสู้ ไม่คิดหนีไปไหน

ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร


      วันที่ 12 พ.ย. 2562 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1, นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3  และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เดินทางมายังดีเอสไอ เพื่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนตามหมายจับ โดยเจ้าหน้าที่นำหมายจับมาแจ้งกับผู้ต้องหาทั้ง 4 แล้วนำตัวขึ้นไปยังห้องสอบสวนทันที

 

      นายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า วันนี้จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อดูหลักฐานว่ามีอะไรบ้าง ทำไมถึงเร่งรีบสอบสวนภายใน 6 เดือน ก็ทราบสาเหตุเรื่องราวทั้งหมด พบหัวกะโหลก ดีเอ็นเอ จนถึงขนาดขอศาลอาญาคดีทุจริตออกหมายจับในข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเสียชีวิต ทั้งๆที่ศาลอาญาทุจริตฯชื่อก็บอกอยู่ว่ามีอำนาจสอบสวนคดีทุจริต ไม่ใช่คดีอาญา ทั้งนี้หลังเข้าพบพนักงานสอบสวน ได้เห็นหลักฐานดีเอ็นเอและหัวกะโหลก ตนจะเปิดเผยทุกเรื่องว่าเป็นอย่างไร

 “ชัยวัฒน์”มอบตัวกับ DSI สู้คดี“บิลลี่”
 
      “ผมและลูกน้องพร้อมจะสู้ ไม่คิดหนีไปไหน เพราะครอบครัวทุกคนอยู่ที่นี่ ผมเป็นข้าราชการรักเกียรติ รักศักดิ์ศรี จะให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ผมกับลูกน้องทุ่มเทรักษาป่ามาตลอดชีวิต รักสถาบัน แต่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้เพราะข่าวที่สื่อสร้างเรื่องราวทำให้ผมได้รับความเสียหาย ทุกคนยังไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ ข่าวที่นำเสนอออกไปทำให้ผม ครอบครัว และสถาบัน กลายเป็นผู้ร้ายในโลกโซเซียล ผมในฐานะผู้พิทักษ์ป่าไม้ ไม่ว่าจะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ใหญ่แค่ไหน ถ้าผมยังยืนอยู่ ผมสอยร่วงทุกคนแน่นอน”นายชัยวัฒน์กล่าว

 

 “ชัยวัฒน์”มอบตัวกับ DSI สู้คดี“บิลลี่”

     ทั้งนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหาที่ 1, นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 และ นายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และ นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเสี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้


      ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน


 
      โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เช็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

 

      ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การขันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4) (7), 309, 310, 33, 340, 340 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 ทวิ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น

 

      ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

 

      ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 172