ปลดปล่อยอารมณ์ชมงานศิลป์ริมคลอง ‘ย่านหนองจอก-หัวตะเข้’
ถ้าอยากออกไปปล่อยอารมณ์ ชมวิถีชีวิตเรียบง่าย แบบไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลๆ ขอแนะนำไปทางฝั่งตะวันออกของ กทม.ย่านชานเมือง หนองจอก และย่าน “หัวตะเข้” ที่นี่มีทั้งความรื่นรมย์ของธรรมชาติ และงานศิลป์ ให้เยี่ยมชมคลายเครียด
เริ่มกันที่ย่านหนองจอก ที่นี่มีศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแสงตะวัน ที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอิสลามตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ศูนย์เรียนรู้ฯ แห่งนี้ ก่อตั้งโดยชุมชนมุสลิมมลายู ซึ่งย้ายจากปักษ์ใต้ เข้ามาตั้งถิ่นฐานและริเริ่มประกอบอาชีพเกษตรกรในบริเวณพื้นที่ลุ่มชานพระนคร ย่านหนองจอก ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ลูกหลานจึงได้สืบทอดภูมิปัญญาวิชาชีพต่อกันมา จนพัฒนาเป็นแนวคิดเกษตรอินทรีย์ ที่ใส่ใจด้านสุขภาพและความปลอดภัยเป็นสำคัญ และจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ที่นำความรู้วิถีเกษตรมาต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปใช้ในชีวิตได้จริง
ศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแสงตะวัน ได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาใช้ตั้งแต่กว่า 10 ปีก่อน เพื่อดูแลดิน น้ำ และส่งเสริมการปลูกข้าวอินทรีย์ จนทุกวันนี้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีรายได้ที่ดี รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาไทยทั้งการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ที่ถ่ายทอดให้สู่ชนรุ่นหลังและผู้สนใจ
ย่านตลาดเก่าหนองจอก ยังมีร้านกาแฟโบราณ ข้าวหมกไก่ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และตลาดหลวงแพ่ง ให้เดินช้อปหาของกินราคามิตรภาพได้แบบสบายๆ
ส่วนย่านเก่าตลาดหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง ที่นี่มีงานศิลป์ให้แวะเยี่ยมชม เดิมที่ตลาดหัวตะเข้ มีชื่อเรียกว่า “ตลาดเก่าเรือนไม้ หลวงพรตท่านเลี่ยม” ซึ่งเป็นชื่อของผู้บริจาคที่ดินให้สร้างเป็นตลาดเรือนไม้ริมน้ำ และหากย้อนไปในอดีตกว่า 100 ปี ย่านนี้คือศูนย์กลางการค้าขายทางน้ำ ที่มีคลองประเวศบุรีรมย์เป็นคลองหลัก สองฟากฝั่งคลองเรียงรายไปด้วยบ้านไม้เก่าที่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งอดีต
“กลุ่มชุมชนคนรักหัวตะเข้” เป็นชาวชุมชนที่ผนึกกำลังกับคณะอาจารย์และนักศึกษาสถาบันการศึกษา วิทยาลัยช่างศิลป์ลาดกระบัง และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ช่วยกันเนรมิตให้ตลาดหัวตะเข้ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการปรับปรุงอาคารเก่า และแต่งเติมชีวิตชีวาด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ชิกๆ
ลองมาเยือนสักครั้งแล้วกัน หากไม่อยากพลาดของดี
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 24 ฉบับที่ 3,657 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม พ.ศ. 2564