"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 ทะลุ 51 ล้านคน ความเร็ว 2 วันล้านกว่าคน

10 พ.ย. 2563 | 01:53 น.

"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 51 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว ความเร็วสองวันล้านกว่าคน

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด 10 พฤศจิกายน 2563 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  ระบุว่า ทั่วโลกทะลุ 51 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว ความเร็วสองวันล้านกว่าเช่นเดิม

 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มอีก 501,621 คน รวมแล้วตอนนี้ 51,179,456 คน ตายเพิ่มอีก 7,172 คน ยอดตายรวม 1,267,939 คน

 

อเมริกา เกินแสนคนอย่างต่อเนื่อง ติดเพิ่ม 125,846 คน รวม 10,390,884 คน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

อินเดีย ติดเพิ่ม 37,211 คน รวม 8,591,075 คน

 

บราซิล ติดเพิ่ม 10,917 คน รวม 5,675,032 คน

 

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 20,155 คน รวม 1,807,479 คน

 

รัสเซีย ติดเพิ่มสูงทำลายสถิติเดิม 21,798 คน รวม 1,796,132 คน

 

อันดับ 6-10 ตอนนี้ สเปน อาร์เจนตินา สหราชอาณาจักร โคลอมเบีย และเม็กซิโก ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

 

อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น

 

หลายต่อหลายประเทศในยุโรป ก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน

ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ติดกันเพิ่มหลักร้อยจนเฉียดพัน ส่วนจีน และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

 

...สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มน้อยลงคือ 598 คน ตายเพิ่มอีก 17 คน ตอนนี้ยอดรวม 61,975 คน ตายไป 1,437 คน อัตราตายตอนนี้ 2.3%

 

โดยรวมอาการฝั่งเอเชียยังทรงๆ ส่วนยุโรปและอเมริการุนแรงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสถานการณ์ของประเทศในยุโรปที่ล็อคดาวน์รอบใหม่นั้นน่าจะมีจำนวนติดเชื้อเพิ่มในอัตราที่ลดลงในอีก 7-10 วัน แต่กว่าจะคุมได้ดีน่าจะประมาณกลางธันวาคม หากไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์

 

ในขณะที่จะมีอีกหลายประเทศที่เราต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะดูจะกำลังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องคือ รัสเซีย หลายประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก อิหร่าน รวมถึงหลายประเทศในสแกนดิเนเวียน เช่น ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก

 

วัคซีนป้องกันโรคโควิดนั้น กำลังจะทยอยได้ผลวิจัยออกมา เมื่อวานนี้ทางไฟเซอร์และไบออนเทคได้ประกาศผลว่าป้องกันได้ 90% จากการวิเคราะห์ผลระหว่างการทำวิจัย และคาดว่าจะรวบรวมข้อมูลส่งขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับทาง USFDA เพื่อผลิตใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ในเร็วๆ นี้(อ่านเพิ่มเติมคลิกด้านล่าง)