เหนือ-อีสานปรับแผนรับเปิดฤดูท่องเที่ยวรับลมหนาวในหน้าเทศกาลประเพณี อุดรธานีชูท่องเที่ยวภูมิสันฐาน พัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงเที่ยวชมของดีในพื้นที่ เชียงใหม่พัฒนา15แพ็กเกจหนุนไมซ์ดึงนักเดินทาง
ปกติเดือนตุลาคมของทุกปี ถือเป็นการเริ่มนับหนึ่งฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ของภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงปลายฤดูฝนก้าวสู่หน้าหนาว ที่จะยาวไปถึงต้นปีถัดไป แต่ปีนี้จากสถานการณ์เชื้อโควิด-19 ระบาด จนทำให้การสัญจรผู้คนหยุดชะงักไปทั้งโลก จนกระทบธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องยืดเยื้อ ที่กำลังพยายามกลับมาเริ่มกันใหม่ ทั้งกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทย และเริ่มแง้มประตูรับนักเดินทางต่างชาติเข้าประเทศเพิ่มอย่างมีเงื่อนไข โดยภาคเหนือและอีสานปรับแผนเพื่อดึงดูดคนเข้าพื้นที่เต็มกำลัง
อุดรฯชูเที่ยวภูมิสัณฐาน
อุดรธานียุคโควิด-19 ใช้วิถีชีวิตแบบใหม่ (New Normal ที่ยังคงมาตรฐานความปลอดภัย มีด่านปลอดภัยสี่มุมเมือง และวิถีปฏิบัติ 3 ประการ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ-ล้างมือ ส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้เข้าจังหวัดปีละกว่า 10,000 ล้านบาท สถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว คงเดินหน้าไปตามแผน คือ ต้องให้มีการเชื่อมโยงในจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และในอนาคตให้เน้นธีมใหม่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเอกลักษณ์วัฒนธรรมอีสาน และการท่องเที่ยวแนวใหม่แบบภูมิสันฐาน เพื่อสร้างรายได้ให้ท้องถิ่นชุมชนหมู่บ้าน
นายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เวลานี้สถานการณ์ท่องเที่ยวและกิจการต่อเนื่องอื่นเริ่มกระเตื้องกว่า 50% แล้ว การเดินทางทั้งทางบกและอากาศเริ่มขยายตัวได้มากขึ้น และการวางเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรธานีในอนาคตนั้น ต้องให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (กลุ่มสบายดี) คือ อุดรธานี หัวหน้ากลุ่มจังหวัด หนอง บัวลำภู เลย หนองคาย และบึงกาฬ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรม วิถีชีวิตของท้องถิ่นเป็นหลักสำคัญ
ตัวอย่างเช่นพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิต 7 จังหวัดริมแม่น้ำโขงที่เรียกว่าเส้นทางโรแมนติก(Romantic Route) ในพื้นที่กลุ่มอีสานเหนือ 1 (กลุ่มจังหวัดสบายดี) คือ การท่องเที่ยวริมน้ำโขงจากเลย-หนองคาย-บึงกาฬ ที่มีความสวยงามของธรรมชาติตลอดเส้นทาง นำมาเชื่อมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยววังนาคินคำชะโนด หรือนาคี รูท ที่อำเภอบ้านดุง เกิดการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ตำนานการเล่าเรื่อง และรวมกับความเชื่อถือของชาวบ้านและท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ด้วยการใช้ถนนทางหลวงระหว่างจังหวัดเป็นตัวเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องราวเล่าขานดังกล่าว จะเชื่อมโยงในลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป กระจายให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ เปิดโอกาสให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ของทุกชุมชนได้ประโยชน์ สามารถตอบโจทย์การพัฒนาของแต่ละจังหวัดและในภาพรวมของกลุ่มพร้อมกัน
นายธวัชชัยกล่าวว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) บรรจุกลุ่มจังหวัดสบายดี ให้มีการท่องเที่ยวในลักษณะภูมิสัณฐาน เข้าไปอยู่ในธีมการท่องเที่ยวด้วย ซึ่งจังหวัดในกลุ่มฯ ก็มีแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวอยู่ เช่น อุทยานประวัตศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่มีหินทรายรูปร่างแปลกๆ ตามธรรมชาติ อยู่ระหว่างเสนอต่อองค์การยูเนสโก้ พิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของจังหวัด ที่จังหวัดบึงกาฬก็มีถ้ำพญานาค หินสามวาฬ ซึ่งมีเรื่องราวทางความเชื่อของถิ่น และมีตำนานการเล่าขานต่อๆ กันมา
เนื่องจากทุกจังหวัดในกลุ่มมีจุดเด่นจุดด้อยและศักยภาพแตกต่างกัน ภายในกลุ่มจึงแบ่งความรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพให้แต่ละจังหวัด คือ จังหวัดบึงกาฬดูแลเรื่องการเกษตร หนองคายดูแลเรื่องการค้าและการค้าชายแดน อุดรธานีดูแลเรื่องระบบ การขนส่งหรือโลจิสติกส์ การพัฒนาเมือง หนองบัวลำภู ดูแลเรื่องผ้าทอพื้นเมือง จังหวัดเลยดูเรื่องการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง เพื่อการพัฒนาด้านท่องเที่ยวให้ก้าวเดินไปสู่ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่ตั้งเอาไว้ของกลุ่มจังหวัดฯ
มาเชียงใหม่ครบ“ทั้งเที่ยวทั้งประชุม”
ด้านสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “ขึ้นเหนือที่เดียว ครบทั้งเที่ยวทั้งประชุม” ชู MICE เป็นเครื่องมือช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพ้นวิกฤติโควิด-19 คาดกระตุ้นได้เดือนหนึ่ง 400-500 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ กับเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่ 4 จังหวัดกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 กว่า 100 แห่ง ในหัวข้อเรื่อง “ขึ้นเหนือที่เดียว ครบทั้งเที่ยวทั้งประชุม” เพื่อจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวเกี่ยวกับไมซ์ และสร้างแพ็กเกจเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนชีวิตวิถีใหม่ขึ้น
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน โดยเศรษฐกิจภาคประชาชนยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว การจับจ่ายใช้สอยเพื่อการท่องเที่ยวยังเป็นเรื่องรองของการตัดสินใจ ที่เชียงใหม่เดือนกันยายนมีคนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ดีพอจะรองรับขนาดเศรษฐกิจเชียงใหม่ที่ค่อนข้างใหญ่ โดยเริ่มมีการจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐเข้ามา ช่วยให้โรงแรมที่พักมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเข้าพักโรงแรมที่จัดไมซ์อยู่ที่ประมาณไม่เกิน 20% ส่วนโรงแรมรีสอร์ตตามยอดดอยอัตราเข้าพักขึ้นไปที่ประมาณ 50% ดังนั้นตลาดการเดินทางเพื่อประชุมสัมมนาจึงมีผลมากต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่
การนำร่องจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “ขึ้นเหนือที่เดียว ครบทั้งเที่ยวทั้งประชุม” ครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือองค์กรภาคเอกชน ภายใต้สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชน 4 จังหวัดกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 อีกกว่า 100 แห่ง รวมกว่า 150 คน เพื่อร่วมทำแพ็กเกจเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน และการจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เช่น การประชุมสัมมนา อบรมหรือประชุมเชิงปฏิบัติการ กิจกรรม CSR เป็นต้น โดยการจับคู่ธุรกิจ โรงแรม ห้องประชุมที่พัก รถเช่า กิจกรรม ชุมชน แหล่งเรียนรู้ดูงาน อย่างน้อย 15 แพ็กเกจ รวมถึงรูปแบบการส่งเสริมด้านการประชาสัมพันธ์ และการตลาดที่จะนำไปปฏิบัติได้จริง
ไมซ์จะเป็นเครื่องมือและกลไกที่มีบทบาทสำคัญ ช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ฟื้นตัวจากโควิด-19 สร้างเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการ โดยคาดหวังว่าไมซ์จะกระตุ้นตลาดได้เพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 400-500 ล้านบาท จากยอดความสูญเสียเดือนละ 3,500-4,000 ล้านบาท ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า17 ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,617 วันที่ 1-14 ตุลาคม พ.ศ.2563
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลุกธุรกิจเหนือ รีบเข้ามาตรฐาน SHA ททท.กระตุ้นไทยเที่ยวไทยฟื้นศก.
“เชียงใหม่”ยืนหนึ่งคนอยากเที่ยวมากที่สุด
คล้องแขนผนึก “พลังอีสาน” เอกชน“อุดร-ขอนแก่น” จับมือปลุกเที่ยวทั้งภาค