ยอดจองรถไฟฟ้าเทสล่าใหม่คึกคัก หวังปลุกกระแสความนิยมในตลาด

14 เม.ย. 2559 | 10:00 น.
ผู้คนทั่วโลกแห่จองรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากเทสล่า "โมเดล 3" ด้วยยอดจองเกือบ 3 แสนคันแล้ว สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีโอกาสจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นจากผู้บริโภคในอนาคต

อีลอน มัสก์ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทสล่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เปิดเผยว่า มียอดจองรถยนต์รุ่น โมเดล 3 (Model 3) จากทั่วโลกแล้วถึง 276,000 คันจนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 เม.ย.) หรือก่อนกำหนดจัดส่งรถยนต์คันแรกถึงกว่า 18 เดือน โดยถ้ายอดจองทั้งหมดเปลี่ยนเป็นการขาย เทสล่าจะสามารถทำเงินจากโมเดล 3 ได้ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้วยราคาขายเริ่มต้นที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) และระยะวิ่งของแบตเตอรี่อยู่ที่ 215 ไมล์ (346 กม.) เทสล่า โมเดล 3 นับเป็นความพยายามครั้งสำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจออกจากตลาดรถยนต์หรูมาสู่ตลาดแมส "ขั้นสุดท้ายของแผนแม่บทของเราคือรถยนต์สำหรับตลาดแมสที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป" มัสก์กล่าวในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด

ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในสหรัฐอเมริกาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้นกระแสการตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดแมสรุ่นแรกของเทสล่าจึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของความต้องการในเซ็กเมนต์ดังกล่าว "มันแสดงให้เห็นว่าอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เราอาจเพียงแค่รอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคได้" อเล็ก กูเตียร์เรซ นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยด้านยานยนต์ เคลลี บลู บุ๊ก ให้ความเห็น

ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กำลังเดินหน้าผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองออกสู่ตลาดเช่นเดียวกัน อาทิ เชฟโรเล็ต โบลต์ (Chevrolet Bolt) จากเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) รวมถึงนิสสัน ลีฟ รุ่นใหม่ ตลอดจนรถยนต์จากฟอร์ด มอเตอร์ และฮุนได ซึ่งเมื่อรถยนต์เหล่านี้และรุ่นอื่นๆ ออกสู่ตลาดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตขึ้นมามีบทบาทในตลาดรถยนต์โดยรวมมากขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดนับว่ามีความสำคัญต่อผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ที่พยายามพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวมของรถยนต์ให้ได้ตามมาตรฐานใหม่ของรัฐบาลที่ 54.5 ไมล์ต่อแกลลอนภายในปี 2568 อย่างไรก็ดี แนวโน้มของตลาดในปัจจุบันไม่เอื้อต่อรถยนต์ไฟฟ้านัก หลังจากราคาน้ำมันที่ถูกลงทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อรถยนต์ขนาดใหญ่มากกว่า

มัสก์แสดงความเชื่อมั่นว่า เทสล่า โมเดล 3 มีศักยภาพที่จะแข่งขันกับรถรุ่นใดๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลง แม้จะยอมรับว่ายอดจองที่เหนือความคาดหมาย อาจทำให้เทสล่าต้องปรับแผนการผลิต แต่มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบรถได้ทันกำหนด โดยเทสล่าเตรียมเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่าย เตรียมความพร้อมของโรงงานในรัฐแคลิฟอร์เนียให้ทำการผลิตได้เต็มกำลัง 5 แสนคันต่อปี พร้อมสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตแบตเตอรี่ เพื่อรองรับกับความต้องการรถยนต์รุ่นใหม่

ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดในสหรัฐฯ มีเพียงไม่ถึง 4 แสนคัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมทำยอดขายเป็นสถิติสูงสุด 17.5 ล้านคัน ผู้บริหารในธุรกิจยานยนต์กล่าวว่า ราคาที่ถูกลงและระยะการขับขี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยปลุกกระแสของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,146 วันที่ 7 - 9 เมษายน พ.ศ. 2559