ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ ประเดิมตลาดปิกอัพในปี 2563 ด้วยการส่ง ออล นิว อีซูซุ ดีแมคซ์ พลานุภาพ... พลิกโลก ครบทุกรุ่นทุกไลน์อัพออกสู่ตลาด หลังจากเดือนตุลาคม 2562 ได้เริ่มเปิดตัวครั้งแรกโดยรถรุ่นนี้จำหน่ายเริ่มตั้งแต่ 5.1 แสน - 1.164 ล้านบาท
“เราเปิดตัว ออล นิว อีซูซุ ดีแมคซ์ ครั้งแรกปลายปีที่ผ่านมา โดยทยอยเปิดตัวสู่ตลาดในบางรุ่น และผลตอบรับดีมาก ต่อมาในเดือนมกราคม 2563 เรามีรุ่นใหม่ที่ครบทุกรุ่น ซึ่งหลังจากนี้เราจะเดินหน้าทำตลาดอย่างเต็มที่ทั้งการโปรโมตประชาสัมพันธ์ กิจกรรมต่างๆ และคาดว่ารถรุ่นใหม่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า” นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าว
แนวรุกของอีซูซุด้านผลิตภัณฑ์ นอกเหนือจากเสริมทัพรถปิกอัพครบทุกรุ่นแล้ว ล่าสุดได้เปิดตัวรถพีพีวี มิว - เอ็กซ์ เดอะ นิว ออนิคซ์ ที่มาพร้อมชุดแต่งใหม่ สปอร์ตรอบคัน มีให้เลือกทั้งแบบ เครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูพาวเวอร์โดยยังคงราคาเดิมคือเริ่มต้น 1.364 ล้านบาท
เรียกได้ว่าเดินเกมรุกตั้งแต่ต้นปีสำหรับค่ายอีซูซุ หลังจากปีที่ผ่านมายอดขายรวมทุกรุ่นหดตัวลงเล็กน้อย โดยทำได้ 168,215 คัน เพราะลูกค้ารอรถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวปลายปี ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลก และในประเทศเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2562 โดยอีซูซุประมาณการว่ายอดขายในปีนี้ หากได้เทียบเท่ากับปีที่ผ่านมาก็ถือว่าดีมากแล้ว
“ปี 2563 การแข่งขันยังคงรุนแรง แต่อีซูซุจะดีขึ้น เพราะเรามีสินค้าครบทุกตัว โดยยอดขายน่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ส่วนแบ่งการตลาดน่าจะขยับขึ้นเล็กน้อย โดยปี 2562 เรามีแชร์ 16.7%”
ขณะที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับปิกอัพไฟฟ้า หรือปิกอัพไฮบริดนั้น นายมาเอคาวะ กล่าวว่า อีซูซุที่ประเทศญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีอยู่แล้ว และมีการจำหน่ายรถอีวี แต่สำหรับประเทศไทยต้องใช้เวลา เพราะเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ไม่ใช่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ด้านไฮบริด ถือว่ามีความเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอีซูซุต้องดูว่าตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือเปล่า
“เรากำลังศึกษาเวลาที่เหมาะสมสำหรับการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใส่ในรถ แต่สิ่งที่สำคัญคือความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยว่าต้องการมากน้อยแค่ไหน เพราะเท่าที่ผ่านมายังไม่มีเสียงตอบรับจากลูกค้าว่าต้องการเทคโนโลยีประเภทนี้”
เรียกว่าจัดเต็มในแง่ผลิตภัณฑ์ ทั้งแบบที่พร้อมขายแล้ว รวมไปถึงเทรนด์ในอนาคตอย่างพวกรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริด ซึ่งอีซูซุก็ประกาศชัดเจน ดังนั้นลูกค้าที่ใช้เครื่องยนต์ ICE ก็มั่นใจได้ว่าได้ใช้กันอีกนาน
ส่วนกลยุทธ์ด้านอื่นๆของอีซูซุที่จะได้เห็นในปีนี้ ยังมีอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับผู้แทนจำหน่ายเพื่อปรับโฉมโชว์รูมและศูนย์บริการภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “The TOUCH” ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเริ่มปรับปรุงไปแล้ว 16 แห่ง และภายในปี 2565 จะแล้วเสร็จมากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ
อีกหนึ่งธุรกิจใหม่ที่อีซูซุได้เริ่มรุกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา คือ ธุรกิจมือ 2 ที่จับมือกับ กลุ่มอีซูซุสงวนไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท“โอมาคาเสะ คาร์” โดยจะเปิดขายรถ มือ 2 ออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มเว็บไซต์ www.omakasecar.com ซึ่งจุดเด่นที่ลูกค้าจะได้รับคือ ไมล์น้อย-ไมล์แท้ -อายุการใช้งานน้อย มีประวัติซ่อมบำรุงที่ตรวจสอบได้ รถทุกคันผ่านการตรวจสอบจากช่างผู้เชี่ยวชาญ มีสถาบันการเงินรองรับและรับประกัน 6 เดือน หรือ 1 หมื่นกิโลเมตร
ปัจจุบัน โอมาคาเสะ คาร์ มีโชว์รูมหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าที่จองรถผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เข้ามาดูและทดลองขับได้ โดยตั้งอยู่ย่านรัตนาธิเบศร์ และในอนาคตมีแผนที่จะขยายออกไปยังจังหวัดอื่นๆ
“เราเปิดขายทุกยี่ห้อสำหรับแพลตฟอร์มนี้ แต่กว่า 50% เป็นรถแบรนด์อีซูซุ ซึ่งธุรกิจนี้ก็เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเรา และเราก็ยินดีหากดีลเลอร์อื่นๆให้ความสนใจและเข้าร่วม โดยหลังจากเราเปิดตัวมา 2 เดือน ก็มียอดจองเข้ามาประมาณ 170 คัน ถือเป็นนิว บิสิเนส โมเดล ที่เป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เข้ามาเติมเต็มให้กับเรา เพราะครบแล้วทั้งการขายรถใหม่ รถมือ 2” นายมาเอคาวะ กล่าวทิ้งท้าย
หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,548 วันที่ 13 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563