บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ปลั๊ก-อินไฮบริด อัจฉริยะยานยนต์ ยกระดับความนุ่มสบาย

06 พ.ค. 2560 | 06:00 น.
“สัมผัสรถยนต์ชั้นดี ในวันที่อากาศไม่เป็นใจ” เป็นสภาพการณ์จากทริปทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู “ซีรีส์4 ไมเนอร์เชนจ์” และ “ซีรีส์5 โฉมใหม่” (G30) รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ที่ประเทศเยอรมนีเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา

MP37-3258-3 ด้วยบรรยากาศเย็นระดับ 1 องศาพร้อมหิมะโปรย บนความเห็นของคนท้องถิ่นว่า “เป็นความหนาวที่หลงฤดู”

ภาวะโลกร้อน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นปัญหาของคนทั้งโลกครับ ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นตัวการหลักในการปล่อยสินค้าที่มีมลพิษเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ทว่าจำเลยอย่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่ได้นิ่งเฉย จะด้วยห่วงใยรักษ์โลกก็ดี หรือเป็นความเข้มงวดของรัฐบาลแต่ละประเทศในการออกกฎหมายควบคุมไอเสียก็ตาม แต่ถึงวันนี้พวกเขาเริ่มแล้ว กับการปฎิวัติเทคโนโลยียานยนต์ครั้งใหญ่

MP37-3258-4 ในส่วนค่ายรถยนต์เยอรมนี มีแนวทางลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และเริ่มปูพรมกับเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริดเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ซึ่งเมืองไทยมีให้เห็นแล้วหลายรุ่น อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี,อี,เอส-คลาส และจีแอลอี ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูมี ซีรีส์3 ซีรีส์7 เอ็กซ์5 และปลายนี้จะเสริม ซีรีส์5 ปลั๊ก-อินไฮบริดที่ผมเพิ่งไปขับมาอีก 1 รุ่น

MP37-3258-7 เรียกว่าภายในปีนี้ ทั้งสองค่ายจะมีรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด เปิดหน้าสู้กันเต็มๆในรุ่นหลัก(ถือเป็นครั้งแรก) ที่สำคัญทุกคันล้วนเป็นการประกอบในประเทศ สำหรับ“ซีรีส์5 โฉมใหม่” บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยเพิ่งเปิดตัวรุ่นนำเข้าคือ 520d เครื่องยนต์ดีเซล และ 530i เบนซิน ราคา 3.899 ล้านบาท และ 4.399 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่รุ่น 530e iPerformance ปลั๊ก-อินไฮบริดประกอบในประเทศน่าจะเปิดตัวพร้อมราคาที่สวยงามไม่เกินปลายปีนี้

MP37-3258-6 ส่วนเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ยังใช้ชุดเดียวกับ“ซีรีส์ 7 ฐานล้อยาว” 740Le xDRIVE ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า แต่ปรับจูนกำลังของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบให้ต่างกันตามลักษณะตัวรถ

โดย 530e iPerformance จะปรับประสิทธิผลของเครื่องยนต์ลงมาเหลือ 184 แรงม้า (740Le 258 แรงม้า)และแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร (740Le แรงบิด 400 นิวตันเมตร) แต่กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่ากันคือ 113 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร

MP37-3258-5 เมื่อรวมศักยภาพของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า 530e จะรีดกำลังได้สูงถึง 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ก่อนจะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดไปยังล้อหลัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.อยู่ในระดับ 6.2 วินาทีเท่านั้น

ขณะเดียวกันยังเคลมว่า 530e iPerformance สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆหลังชาร์จแบตเตอรีเต็ม ได้ระยะทางสูงสุด 50 กม. (คู่แข่งยังเคลมตัวเลขประมาณ 30 กม.) และหากจะวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนอย่างเดียว สามารถทำความเร็วได้สูงถึง 140 กม./ชม.

…แน่นอนว่าถ้าคุณใช้ความเร็วสูง ระยะทางที่วิ่งได้จากพลังไฟฟ้าล้วนๆย่อมลดลงตามน้ำหนักเท้าที่กดคันเร่ง ซึ่งไม่รวมปัจจัยภายนอกอย่างสภาพอากาศ และการจราจร

ขณะที่แบตเตอรีแบบลิเธียมไอออน จะถูกวางใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังและย้ายถังน้ำมันมาอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังแทน เพราะบีเอ็มดับเบิลยูต้องการให้แน่ใจว่า แบตเตอรีที่ใหญ่ว่าหนักกว่าถังจุน้ำมันจะไม่เข้ามากินพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จด้วยผลตอบแทน 410 ลิตร

[caption id="attachment_145436" align="aligncenter" width="503"] บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ปลั๊ก-อินไฮบริด อัจฉริยะยานยนต์ ยกระดับความนุ่มสบาย บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ปลั๊ก-อินไฮบริด อัจฉริยะยานยนต์ ยกระดับความนุ่มสบาย[/caption]

ขณะที่โหมดไฮบริดยังเลือกได้ว่าจะใช้ “ออโต้ อีไดร์ฟ” (เป็นค่าเริ่มต้นหลังจากสตาร์ทรถ) ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และโหมดนี้มอเตอร์ไฟฟ้าจะวิ่งได้ถึงความเร็ว 90 กม./ชม.

โหมด “แมกซ์ อีไดร์ฟ” ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าวิ่งล้วนๆ หากเท้านิ่งๆไล่ความเร็วได้ถึง 140 กม./ชม. หรือเครื่องยนต์จะติดขึ้นหากกดคันเร่งหนักๆ(คิกดาวน์) อย่างไรก็ตามกรณีแบตเตอรีเหลือน้อย รถจะตัดเข้าสู่โหมด “ออโต้ อีไดร์ฟ” โดยอัตโนมัติ

โหมดสุดท้าย “แบตเตอรี คอนโทรล” ใช้เมื่อต้องการชาร์จไฟเข้าไปในแบตเตอรี โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ทั้งขับเคลื่อนรถอย่างเดียว และแบ่งกำลังไปเก็บไว้ในแบตเตอรีให้ได้ปริมาณ 80% ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ 530e iPerformance ยังมาพร้อมของเล่นใหม่คือ ระบบชาร์จไฟไร้สาย หรือไม่ต้องเสียบปลั๊กเข้ากับตัวรถ เพียงมีแท่นชาร์จวางอยู่บนพื้นและขับรถตรงเข้าไปคล่อม สามารถชาร์จไฟเชื่อมต่อกันได้ทันที ซึ่งระบบนี้จะเป็นออปชันให้ลูกค้าเลือกครับ 530e iPerformance ได้ศักยภาพของเทคโนโลยีปลั๊ก-อินไฮบริด ที่มุ่งหวังอัตราบริโภคน้ำมันที่เป็นมิตร และปล่อยไอเสียต่ำแล้ว สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบายยังพัฒนาให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก ทั้งอัตราเร่งเนียนต่อเนื่องแต่ก็แอบปล่อยความจัดจ้านออกมาได้หลายจังหวะ เช่นเดียวกับการควบคุมและการทรงตัวที่ให้ความมั่นใจเมื่อขับความเร็วสูง

ขณะเดียวกัน จากการลองขับสัมผัสนั่งของผมยังพบว่า นี่เป็นซีรีส์5 รุ่นที่ภายในห้องโดยสารให้ความเงียบ-นิ่ง พร้อมช่วงล่างนุ่มนวล นั่งสบาย หรือท้าท้าย “อี-คลาส” ได้อย่างใกล้เคียงมากที่สุด ตลอดจนการออกแบบเบาะนั่งที่รองรับสรีระได้กระชับแต่ไม่อึดอัด ขับ-นั่งทางไกลสบายและไม่เมื่อยตัว

รวบรัดตัดความ...ซีรีส์5 โฉมใหม่ ยกระดับความหรู เพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวก-ความปลอดภัย ขณะที่รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด 530e ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากแผนก iPerformance ที่กำลังเป็นมาตรฐานใหม่ของเทคโนโลยียานยนต์ สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างลงตัว....อดใจรอเจอตัวจริงปลายปีนี้ครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,258 วันที่ 4 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560