“อนุทิน” ย้ำไม่ห้ามเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19

29 มี.ค. 2564 | 08:41 น.

FETCO ถก “อนุทิน” ย้ำไม่ห้ามเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เปิดแหล่งท่องเที่ยว หนุนตลาดหุ้นไทยคึกคัก แย้มทบทวนเป้าหมายดัชนี ปี 64 ใหม่

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยภายในงาน“โครงการตลาดทุนพบภาครัฐครั้งที่ 1/64 กระทรวงสาธารณสุขพบนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน” ว่าหลังการหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชน พบว่าภาครัฐมีความชัดเจนเรื่องแผนการจัดหาวัคซีนให้ทุกคนภายในประเทศระยะเวลาการฉีด รวมถึงไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนของภาคเอกชน และความคืบหน้าในการเปิดแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต, สมุย ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น โดยคาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังมีอัพไซด์รออยู่ เนื่องจากประเด็นหลายอย่างดีกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนและการเปิดประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงกำลังการผลิตวัคซีนในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้อาจต้องปรับทบทวนมุมมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 64 ขึ้น จากเดิมที่คาดไว้ระดับ 1,600 จุด แต่ต้องรอประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ด้วย

“ผลจากการหารือร่วมกัน ถือว่าภาครัฐมีแผนที่ชัดเจน แต่ก็ต้องติดตามว่าภาครัฐจะได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่ เพราะคาดเดาได้ยากว่าจะเจออุปสรรค์อะไรบ้าง อีกทั้ง ประเทศไทยมีภาพพจน์ด้านการปฏิบัติที่ล่าช้าไปบ้างบางเรื่อง รวมถึงยังต้องรอดูว่าเมื่อเปิดประเทศได้แล้วจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาหรือไม่”

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้ปิดกั้นภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 แต่จากการหารือกับผู้ผลิตวัคซีนเกือบทุกรายพบว่าเขาไม่ยินยอมที่จะขายให้แก่ภาคเอกชนโดยตรง แต่หากภาคเอกชนรายไหนติดต่อผู้ผลิตและนำเข้ามาได้บอกมาเลยตนเองพร้อมจะหาทางออกเรื่องใบอนุญาตการนำเข้าวัคซีนให้

ขณะที่ ความคืบหน้าการปลดล็อคผลิตภัณฑ์จากกัญชานั้น ในด้านกฎหมายยังอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภาหากเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนเชื่อว่าคนในสภาผู้แทนราษฏรจะต้องตอบสนองต่อความต้องการแน่นอน โดยปัจจุบันเริ่มมีผู้มาขอขึ้นทะเบียนแล้วหลัก 100 ราย ถือว่ายังมีจำนวนไม่เยอะมากส่วนวัตถุประสงค์หลักของภาครัฐที่ผลักดันตรงนี้ขึ้นม าเพื่อเป็นช่องทางทำมาหากินของเกษตรกรมากขึ้นและใช้ในทางการแพทย์ รวมถึงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด