BCAP ลุยหุ้นไทย

18 มี.ค. 2564 | 23:30 น.

BCAP ลุยหุ้นไทย ทยอยสะสมหุ้นหลังหุ้นย่อตัว เหตุลดหุ้นไทยไปมาก จากผลกระทบจากโควิด-19 เตรียมออกกองทุนรวมอีก 10 กองในปีนี้ หวังเพิ่ม AUM อีก 1 หมื่นล้านบาท ปิดสิ้นปี 64 6.2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้า 4 ปี AUM แตก 1 แสนล้านบาท   

ตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังได้รับแรงกดดันจากการที่อัตราตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี(Bond Yield) ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนในพันธบัตร ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงตํ่า มีความน่าสนใจมากขึ้นจากผลตอบแทนที่สูงขึ้น ขณะที่การลงทุนในหุ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงสูง มีความน่าสนใจน้อยลง

มองว่าเป็นการสะท้อนเศรษฐกิจที่รีบาวด์หลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดจบลง โดยคาดว่า Bond Yield จะเคลื่อนไหวในช่วง 1.4-1.7% ในช่วง 3-6 เดือน

นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอลหรือ BCAP เปิดเผยว่า เป็นการสะท้อนภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 จบลง และเงินเฟ้อจะกลับมา โดยอาจปรับเพิ่มจาก 1% เป็น 2% กว่าๆ จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ไม่ใช่อัตราที่ควบคุมไม่ได้ จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย  เพราะจุดยืนของธนาคารทั่วโลกขณะนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ยังต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายไปสักระยะหนึ่ง และหันไปเน้นที่ตลาดแรงงานเป็นหลัก           

BCAP ลุยหุ้นไทย

“ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามา ทำให้แรงงานต้องปรับตัว ฝึกทักษะ จึงยังไม่ใช่จุดที่เราจะมากังวลว่า ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น ซึ่ง Bond yield จะปรับเพิ่มขึ้นในระดับ 1.4-1.7% ไปสักระยะ ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อหาช่วงที่เหมาะสมใหม่ จึงน่าจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไปอีกระยะหนึ่ง เพราะปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้น 10% ดังนั้น Bond yield เองก็ต้องปรับฐานจากที่ตํ่ากว่า 1% ก็ขึ้นมา 1.5-1.6%”นายธนาวุฒิกล่าว 

อย่างไรก็ตาม ภาพการลงทุนในปีนี้ มีปัจจัยที่จะผลักดันการลงทุนในตลาดหุ้นโลกคือ สภาพคล่องที่ล้นตลาด ทั้งจากการอัดฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางและเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลต่างๆ อย่างสหรัฐฯ ที่อนุมัติวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วกว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินสดในมือของประชาชนยังเหลืออยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะพลเมืองที่ได้รับการแจกเงิน อย่างสหรัฐที่แจกเงินรอบแรกอาจยังใช้เงินไม่หมด ก็มีรอบ 2 เข้ามาแล้ว ทำให้เม็ดเงินเพิ่มเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว  

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจได้พ้นจุดตํ่าสุดและเริ่มเห็นทิศทางการฟื้นตัวขึ้น จากการที่หลายประเทศเริ่มกระจายฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับพลเมืองในประเทศตนเอง ดังนั้นในแง่หุ้น จึงยากที่ตลาดหุ้นปีนี้จะแย่ เพราะได้ผ่านจุดตํ่าสุดของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกไปแล้ว แต่ยังมีปัจจัยที่น่ากังวลคือ คุณภาพหนี้ แม้จะมีการพักชำระหนี้และในแง่ภาวะอัตราดอกเบี้ยตํ่า จะยังไม่ใช่ปัญหาที่เราจะมากังวลในปีนี้  

สินทรัพย์เสี่ยงคือ หุ้น ในปีนี้จึงน่าสนใจ เพราะตราสารหนี้ไม่น่าจะดี ดังนั้นจึงได้ทยอยเข้าไปสะสมหุ้น ในจังหวะที่หุ้นย่อตัวลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แนะนำลูกค้ามาโดยตลอด และปีนี้จะเป็นโอกาสของหุ้นที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากโควิด-19 เพราะจะมีพื้นที่จะปรับขึ้นอีกมาก และหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังฟื้นตัวขึ้นมาได้ไม่มาก

“ระยะสั้น หุ้นไทยปีนี้น่าสนใจ หลังจากปีที่แล้วทั้งจากปัญหาโควิด-19 และอื่นๆ ทำให้เราลดสัดส่วนการถือหุ้นไทยลง เราถือค่อนข้างน้อย เพราะปีก่อนหุ้นไทยติอดลบไป 10% ปีนี้จึงเป็นจังหวะที่กลับเข้า โดยเริ่มสะสมหุ้นไทยในบางกลุ่มที่สามารถลงทุนได้ อย่างกองอสังหาฯ ที่ราคายังไม่กลับมา ยังมีพื้นที่อีกมาก หากโควิด-19 จบลง ขณะที่การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ยังค่อนข้างเหนื่อย”นายธนาวุฒนิกล่าว

ด้านนางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. BCAP กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ที่ 20% หรือประมาณ 6.2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยกองทุนรวม 1.3 หมื่นล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 1.82 หมื่นล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็เติบโตไปแล้วถึง 4 พันล้านบาท และคาดว่าภายใน 4 ปี AUM ของบริษัทจะเติบโตได้ถึง 1 แสนล้านบาท 

“เรามีแผนจะออกกองทุนอีกประมาณ 10 กอง และน่าจะเป็นกองหุ้นต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งจะเน้นการลงทุนใน ETF ต่างประเทศเป็นหลัก ไม่ใช่การลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ โดยใช้ระบบและทีมงานที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้การลงทุนมีการปรับเปลี่ยนและดูแลพอร์ตการลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” นางเมธ์วดีกล่าว

ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมและ ETF ของบริษัทเติบโตขึ้นถึง 95% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562 เทียบกับอุตสาหกรรมกองทุนรวมที่ลดลง 8% ซึ่งถือว่า BCAP Asset มีการเติบโตที่สวนทางกับภาพรวมอุตสาหกรรม โดย BCAP Asset มีกองทุุนมากมาย เพื่อตอบโจทย์นักลงทุน 

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,662 วันที่ 18 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2564