ดาวโจนส์ปิดบวก 44 จุด รับข่าวสหรัฐฟื้นเจรจาแผนเยียวยาศก.

19 พ.ย. 2563 | 23:47 น.

 ดาวโจนส์ปิดบวก 44.81 จุด รับข่าวแกนนำพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ตกลงที่จะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า แกนนำพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ตกลงที่จะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 อีกครั้ง โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลและยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐด้วย
          

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,483.23 จุด เพิ่มขึ้น 44.81 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,581.87 จุด เพิ่มขึ้น 14.08 จุด หรือ +0.39% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,904.71 จุด เพิ่มขึ้น 103.11 จุด หรือ +0.87%

 

          

ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 742,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 709,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 710,000 ราย
          

อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อในช่วงท้าย หลังจากนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต เปิดเผยว่า นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้ตกลงที่จะกลับมาเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หลายรัฐในสหรัฐประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ         

 ที่ผ่านมานั้น การเจรจาเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้หยุดชะงักลงเนื่องจากทั้งสองพรรคมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงวงเงินของมาตรการดังกล่าว โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงินเพียง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
          

หุ้น 9 กลุ่มจากทั้งหมด 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.53% และดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.84% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.96% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.72% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ปรับตัวขึ้น 0.74% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.51% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 3.64%
          

ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้น 1.03% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.24% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.63% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.36% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.52% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.6%
          

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.6% ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากบริษัท S&P Dow Jones Indices LLC ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์ก ออกแถลงการณ์ระบุว่า หุ้นของบริษัทเทสลาจะถูกรวมในการคำนวณดัชนี S&P 500 ในวันที่ 21 ธ.ค.
          

หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "วิคตอเรีย ซีเครท" ทะยานขึ้น 17.67% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายพุ่งขึ้น 56% ในไตรมาส 3  
          

หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.11% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายดิ่งลงมากกว่า 20% ในไตรมาส 3 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
          

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยดีดตัวขึ้น 4.3% สู่ระดับ 6.85 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. หลังจากแตะระดับ 6.57 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านจะลดลง 1.2% สู่ระดับ 6.45 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.